สำหรับตลาดส่งออกหลักของไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดในแอฟริกา เช่น เบนิน แอฟริกาใต้ บังคลาเทศ เยเมน แคเมอรูน ไนเจอร์ เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 67,459 ตัน ลดลง 10% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่งไปยังตลาดที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง แคนาดา สิงคโปร์ เป็นต้น
ทั้งนี้สมาคมฯคาดว่าในเดือนพฤศจิกายน 2565 การส่งออกข้าวจะอยู่ที่ระดับประมาณ 750,000-800,000 เนื่องจากผู้ส่งออกยังคงมีสัญญาที่ค้างส่งมอบจากเดือนก่อนพอสมคมวร ประกอบกับตลาดที่สำคัญยังคงมีความต้องการนำเข้าอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ และตรุษจีนในช่วงปลายเดือนมกราคม 2566 โดยคาดว่าในปีนี้การส่งออกข้าวน่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน โดยตลาดสำคัญได้แก่ อิรัก แอฟริกาใต้ สหรัฐฯ จีน เบนิน ญี่ปุ่น เซเนกัล แองโกล่า เยเมน ฟิลิปปินส์ โมซัมบิก ฮ่องกง แคนาดา เป็นต้น ขณะที่ภาวะราคาข้าวของไทยในช่วงนี้ยังอยู่ในระดับที่ไม่ห่างจากคู่แข่งมากนัก
จึงทำให้ยังสามารถแข่งขันได้ แม้ว่าค่าเงินบาทจะเริ่มแข็งค่าขึ้นตามภาวะตลาดแล้วก็ตาม โดยราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 456 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน อยู่ที่ 443-447, 393-397 และ 423-427 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ตามลำดับ ส่วนราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 470 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งของอินเดีย และปากีสถานอยู่ที่ 373-377 และ 453-457 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
ที่มา คอลัมน์การค้าการเกษตร /ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล| 02 ธ.ค. 2565