ถ้าหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องยังคงทำงานแบบตัวใครตัวมัน ไม่ยึดโยงเกษตรกร...หน่วยงานหลักอย่างกระทรวงเกษตรฯ ยังดูแลแต่ด้านผลิต...กระทรวงพาณิชย์ ดูแลเฉพาะการขาย
เหมือนจง ใจให้เกษตรกรค้าขายเองไม่เป็น
นับแต่มีสองกระทรวงทำงานคู่ขนานกัน ผลงานที่ออกมา การประสานงาน กับ ประสานงา อย่างไหนมีมากกว่ากัน...กรณี รองนายกฯ เศรษฐกิจ ไม่มีสิทธิแตะกระทรวงเกษตรฯ ปัญหาแค่สิวๆ
เมื่อดูตามเนื้อผ้า รู้สึกสองกระทรวงนี้ ทำงานต่างขั้วกันมานาน ขั้วบวกทำงานกับเกษตรกรเพื่อเกษตรกร อีกขั้วทำงานกับเกษตรกรสนองนายทุน
ยกตัวอย่างเห็นชัดๆ เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ไม่มีตัวแทนเกษตรกรรู้เห็นเลย มีแต่นายทุน ส่งผลภาษีรถปิกอัพ รถขนาดเล็ก ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ของไทยถูกลงเปิดตลาดได้กว้างขึ้น ขณะเดียวกันออสเตรเลียสามารถส่งโคเนื้อ โคนมและผลิตภัณฑ์ เข้าไทยในราคาถูกเช่นกัน กระทบภาคปศุสัตว์ หรือกรณีนำเข้าข้าวสาลีและกากข้าวโพดเอทานอล (DDGS) เพื่อผลิตอาหารสัตว์มากเกินไป นายทุนได้สินค้าราคาถูกผลิตอาหารสัตว์ ส่วนเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง น้ำตาเช็ดหัวเข่า ผลผลิตขายไม่ออกนายทุนไม่ซื้อ
สรุปแล้วเอาใจภาคอุตสาหกรรม พ่อค้า นายทุน บริษัทข้ามชาติ แลกกับการจับเกษตรกรและสินค้าเกษตรเป็นตัวประกัน
ฉะนั้นก่อนจะอัพเกรดเกษตรไทย 4.0 ไม่หันไปตรวจเช็กระบบประมวลผล สมองคนของรัฐ วันนี้ยังมีเวอร์ชั่น 1.0 นั่งทำงานอยู่มากแค่ไหน ส่งไปอัพเกรด เพิ่มแรม รีบูต ลงระบบปฏิบัติการ 4.0 ให้เสร็จภายในครึ่งปีได้ทันไหม...ถ้าทำได้ ค่อยมาฟรุ้งฟริ้งกัน