ส.ป.ก. 4-01 จะทำให้คนจนมีที่ดินและรักษาที่ดินไว้ได้จริงหรือ
การผลักดันการแจกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แน่นอนโดยเฉพาะจากพรรคฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ในการหยิบยกบทเรียนความล้มเหลว ของการแจกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ของรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องพัวพันอยู่อย่างใกล้ชิด การวิพากษ์วิจารณ์ของพรรคฝ่ายค้าน มีเค้ามูลความเป็นจริงอยู่ค่อนข้างมาก แต่นั่นก็เป็นเพียงภาพด้านหนึ่งของปัญหาที่ดินในสังคมไทย ที่นักการเมืองโดยส่วนใหญ่มักมีที่ดินถือครองจำนวนมากในเขต ส.ป.ก. หรือแม้แต่การใช้อิทธิพลเพื่อครอบครองที่ดินในพื้นที่อื่นของรัฐ
แต่หากเราจะมองปัญหาที่ดินในเขต ส.ป.ก. ในภาพรวม ก็ต้องกล่าวว่าสังคมไม่มีมั่นใจว่าที่ดินในเขต ส.ป.ก. จำนวน 29 ล้านไร่ ที่สำนักงาน ส.ป.ก. ได้แจกจ่ายไปแล้วให้กับประชาชนเกือบ 2 ล้านราย คนที่ได้รับที่ดินเหล่านั้นเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ ที่สำคัญเกษตรกรยังคงสามารถรักษาที่ดินเหล่านั้นไว้ได้เพื่อการยังชีพ หรือว่าที่ดินเหล่านั้นได้ถูกขายทอด เปลี่ยนมือไปแล้ว โดยการนำไปจำนองไว้กับ ธ.ก.ส. และปล่อยให้ที่ดินหลุดมือเหมือนที่สังคมได้รับรู้ข่าวอยู่ทุกวันเชื่อวัน
ความกังวลเหล่านี้ของสังคมคือ สิ่งที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์จะต้องตอบให้ได้อย่างน้อยก็ก่อนที่จะเดินหน้าโครงการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. ที่เหลืออีกจำนวน 5 ล้านไร่ ต่อไปสิ่งที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์จะต้องทำ ณ เวลาปัจจุบัน ก่อนที่จะดำเนินโครงการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 คือการสั่งให้ สำนักงาน ส.ป.ก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความโปร่งใสและคุณสมบัติของผู้ที่ถือครองที่ดินในเขต ส.ป.ก. ในปัจจุบันหากพบข้อมูลว่า ยังคงมีนายทุนหรือนักการเมืองถือครองที่ดินในเขตส.ป.ก. จำนวนมากไว้ ก็ควรมีมาตรการในการยึดคืนที่ดินเหล่านั้น นำกลับมาปฏิรูปแจกจ่ายให้กับคนจนและคนไร้ที่ดินตัวจริงที่มีอยู่จำนวนเกือบ 2 ล้านครอบครัวในปัจจุบัน
ต้องกล่าวแบบให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์ว่า การดำเนินโครงการแจกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 ให้ กับเกษตรกร แม้จะเป็นโครงการที่มีเจตนารมณ์ที่ดี แต่ก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานการเท่าทันต่อสถานการณ์การสูญเสียที่ดินของ เกษตรกรในปัจจุบัน และที่สำคัญควรยอมรับข้อเท็จจริงในความอ่อนแอของกลไกหน่วยงานราชการที่ไม่ สามารถควบคุมและตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกร และผู้มีอิทธิพลที่ต้องการสวมสิทธิ์เป็นเกษตรกรได้ ถ้ารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ยังไม่ดำเนินการแก้ไขกฎหมายปฏิรูปที่ดิน หรือแก้ไขกลไกในการปฏิรูปที่ดิน แต่กลับให้มีการดำเนินการแจกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. ท่ามกลางกลไกที่อ่อนแอและไม่สามารถทำงานได้จริงเช่นที่เป็นอยู่ปัจจุบัน โครงการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของคุณอภิสิทธิ์ก็อาจจะถูกตีความเป็นแค่นโยบาย หลอกๆ ที่ต้องการเรียกเสียงคะแนนจากมิตรรักแฟนเพลงเกษตรกร หรือแม้แต่นายทุนที่ต้องการจะฮุบที่ดิน ส.ป.ก. ตามช่องโหว่กฎหมายและกลไกที่มีอยู่ก็เป็นได้
ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่คุณอภิสิทธิ์จะต้องทำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์เคยกล่าวไว้ในช่วงเวลาของการหาเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา คือการจัดกลไกการปฏิรูปที่ดินที่เปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทุกมิติตั้งแต่ระดับชาติไปจนถึงระดับท้องถิ่นจัดหาคณะทำงาน คณะดำเนินการที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อคัดเลือกกลั่นกรองดูว่ากลไกอย่างไรจึงจะทำให้นโยบายการปฏิรูปที่ดิน หรือนโยบายการจัดสรรที่ดินของรัฐบาลเป็นจริงและมีความเป็นธรรมได้มากที่สุด ยิ่งกระจายคณะทำงานเหล่านี้ลงไปให้เล็กที่สุด ถึงภาคประชาชนมากที่สุดเท่าไร นโยบายของรัฐบาลก็จะยิ่งได้รับการตรวจสอบมากยิ่งขึ้นเท่านั้น การใช้กลไกการแจกเอกสารสิทธิ์ระดับชาติที่เป็นอยู่และตรวจสอบไม่ได้นั้น ได้แสดงให้เห็นผลในอดีตแล้วว่ามันไม่มีประสิทธิภาพอย่างไร
อย่างไรก็ดี การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ยังไม่ใช่ว่าจะทำให้รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ได้ถึงฝั่งฝัน สามารถแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรทุกกลุ่มในสังคมไทยได้ทั้งหมดเสียที เดียวการจดทะเบียนคนจนของรัฐบาลคุณทักษิณที่ผ่านมา ข้อมูลจากการจดทะเบียนชี้ให้เห็นว่า มีคนจนที่พอมีที่ดินอยู่บ้างแต่กลับไม่มั่นคงในที่ดินของตนเองกว่า 300,000 ครอบ ครัว คนจนเหล่านี้มีความขัดแย้งเรื่องสิทธิที่ดินทำกิน และมีความเห็นแย้งกับรัฐในแนวทางการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน ความขัดแย้งและความไม่มั่นคงในที่ดินดังกล่าวมักเกิดจากการประกาศเขตอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สวนป่า ที่สาธารณะประโยชน์ หรือที่ดินอื่นๆ ของรัฐ ลงบนที่ทำกินที่มีอยู่จำนวนไม่มากนักของเกษตรกร
ความขัดแย้งเรื่องที่ดินของเกษตรกรกลุ่มเหล่านี้ อาทิ กลุ่มเกษตรกรจากสมัชชาคนจน กลุ่มเกษตรกรจากเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน ยังคงดำเนินอยู่และรอการแก้ไขจากรัฐบาล แต่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาหรือการสร้างความมั่นคง ในที่ดินให้กับเกษตรกรกลุ่มต่างๆ เหล่านี้แต่อย่างใด รูปการเช่นนี้จึงดูเหมือนกับว่า การทำงานของภาครัฐที่ผ่านมานอกจากจะไม่สามารถจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรได้แล้ว หน่วยงานของรัฐบางหน่วยงานยังทำหน้าที่เป็นผู้ที่แย่งชิงที่ดินไปจากเกษตรกรเสียเองด้วยซ้ำ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ต้องตระหนักให้มาก ก่อนที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินต่อไป
ในสังคมไทยจริงอยู่ที่เรามีเกษตรกรที่ไร้ที่ดินและเกษตรกรที่มีที่ดินไม่เพียงพอที่รอ การจัดสรรที่ดินจากรัฐ รวมทั้งคนที่พอจะมีที่ดินทำกินอยู่บ้าง แต่ไม่มั่นคงเพราะขัดแย้งกับหน่วยงานภาครัฐ รวมแล้วเกือบ 2 ล้านครอบครัว แต่ที่มากไปกว่านั้น เรายังมีเกษตรกรทั่วประเทศอีกเกือบ 20 ล้านคนที่กำลังจะสูญเสียที่ดินไปในอนาคตอันใกล้ เกษตรกรเกือบ 20 ล้านคนเหล่านี้ แม้จะมีที่ดินทำกินของตนเองแต่เอกสารสิทธิ์ในที่ดินของเกษตรกร กว่า 90 % ตกอยู่ในมือของธนาคารพาณิชย์และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งพร้อมเหลือเกินที่จะหลุดมือไปจากเกษตรกร และเราก็จะมีจำนวนคนไร้ที่ดินเพิ่มขึ้นอีก
การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาการสูญเสียที่ดินของเกษตรกร ซึ่งเป็นปัญหาใจกลางสำคัญของปัญหาที่ดินทำกินในปัจจุบันได้และไม่แน่ด้วยซ้ำว่าจะยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาเหล่านี้หนักหน่วงขึ้นไปอีก เพราะเท่าที่เราทราบ การซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก. มีการดำเนินการกันอยู่แล้วเงียบๆ และที่ดิน ส.ป.ก. ก็ไม่ต่างอะไรจากที่ดินโฉนดที่เกษตรกรสามารถนำไปจำนำจำนองกับธนาคาร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสูญเสียที่ดินได้เช่นกัน
หัวใจของการดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาที่ดินหรือนโยบายการปฏิรูปที่ดินจึงต้องดำเนินควบคู่ไปกับนโยบายการปฏิรูปภาคเกษตรกรรม มีโครงการช่วยเหลือเพื่อให้เกษตรกรทำการผลิตในระบบที่พึ่งพาตนเองให้ได้มาก เพื่อที่จะรักษาที่ดินไว้ให้ได้ มีการช่วยเหลือด้านราคาผลผลิตที่เป็นธรรมและการวางแผนการผลิตระดับชาติที่ ไม่ลันเกิน ที่สำคัญควรจัดตั้งคณะทำงานศึกษาหรือมีการดำเนินโครงการนำร่องว่าด้วยเรื่อง โฉนดชุมชน เพื่อให้องค์กรชุมชน และสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาที่ดินร่วมกับเกษตรกรให้องค์กรชุมชนได้ ทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางทิศทางการทำเกษตรกรรมคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมในชุมชนให้ดำรงอยู่ได้โดยรัฐเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือ ประคับประคอง
สิ่งเหล่านี้คือข้อท้าทายที่รอให้รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์แก้ไขอยู่ ที่สำคัญนี่จะเป็นการตรวจสอบว่ารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์มีความเข้าใจมากน้อยเพียง ใดในปัญหาที่ดินทำกินที่ซับซ้อนของสังคมไทยและมีความตั้งใจจริงระดับไหนในการแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับพี่น้องเกษตรกรไทย
พงษ์ทิพย์ สำราญจิตต์
เครือข่ายปฏิรูปที่ดิน
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.