หมอประเวศ ชี้ปัญหาประเทศต้องแก้เชิงโครงสร้าง ปฏิวัติ-เปลี่ยน รธน.แก้ไม่สำเร็จ หว่านประชานิยมหลายแสนล้่่านก็ช่วยคนจนไม่ได้ แนะปฏิรูปที่ดิน ใช้กลไกภาษี ให้คนมีที่ดินทำกิน แล้วประเทศชาติจะมั่นคงเอง
วันที่ 25 ตุลาคม 2556 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.), สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ จัดเวทีภาคีพัฒนาประเทศไทย Thailand Development Forum TD Forum ครั้งที่ 1 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ
ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และอดีตประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวตอนหนึ่งถึงการปฏิรูปประเทศไทยให้ได้ผลจริง ที่ขณะนี้รัฐบาล และคนหลายกลุ่มสนใจเรื่องการปฏิรูปประเทศมากขึ้น โดยวัตถุประสงค์ของการปฏิรูป เพื่อความศานติสุข และแก้ปัญหาใหญ่คือ ความยากจน และความอยุติธรรมในสังคม ที่มาจากความเหลื่อล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคม
"ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยนับเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย และเป็นบ่อเกิดของปัญหาต่างๆ ในสังคม ที่แก้ไขได้ยาก โดยเฉพาะในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 11 มีความเหลื่อมล้ำมาก แม้บ้านเมืองจะมีการปฏิวัติ 2475 มีรัฐธรรมนูญมา 18 ฉบับ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่กลับมีการลักขโมย คอร์รัปชั่นเต็มไปหมด ดังนั้น การแก้ปัญหาของประเทศไทยต้องแก้เชิงโครงสร้าง"
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงการปฏิรูปโครงสร้างการจัดสรรทรัพยากรด้วยว่า ป่าไม่ แหล่งน้ำ อากาศหายใจเป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของทุกคน แต่เมื่อรัฐเข้มแข็งขึ้นก็ไปริบว่าเป็นของรัฐไม่ใช่ของประชาชน แต่กลับไม่สามารถจัดการใช้อย่างเป็นธรรมได้ ส่งผลให้ชาวนาไม่มีที่ทำกิน จึงจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างทรัพยากร ได้แก่ การปฏิรูปที่ดิน
"ประเทศไทยมีเนื้อที่ 321 ล้านไร่ สามารถจัดที่ดินให้ทุกครอบครัวได้ ครอบครัวละ 2-3 ไร่ มีการทดลองแล้วว่าที่ดิน 1 ไร่ สามารถทำกินได้ทั้งครอบครัว ดังนั้น หากสามารถจัดที่ดินให้ครอบครัว 2-3 ไร่ต่อครัวเรือน จะแก้ไขได้อย่างหมดจด"
ส่วนนโยบายประชานิยมที่รัฐบาลทำใช้เงินกว่าหลายแสนล้านบาทเพื่อช่วยคนยากจนนั้น ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ คนจนในประเทศยังคงจน ซึ่งการจะแก้ไขปัญหาอย่างถาวรจึงต้องทำเรื่องจัดสรรที่ดิน โดยเชื่อว่า จะทำให้ประชาชนมีความมั่นคงเรื่องที่อยู่อาศัย และมีความมั่นคงด้านอาหาร เนื่องจากมีที่ดินทำกิน และจะส่งผลให้ประเทศชาติมั่นคงขึ้นเอง
"เมื่อประชาชนมีที่ดินทำกินจะสามารถขุดสระน้ำประจำครอบครัวได้ทุกครอบครัว เพื่อเก็บน้ำได้ทั้งปี จึงไม่จำเป็นต้องสร้างเขื่อนให้ทะเลาะกัน มีสระน้ำประจำ เลี้ยงปลาได้ ปลูกผัก ก็หายจน ความเป็นป่าจะกลับคืนมา เมื่อกักน้ำได้ มีต้นไม้เพิ่มขึ้น ก็จะเกิดความสมดุล ธรรมชาติกลับคืนมา ฤดูกาลจะกลับคืนมา เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาค ขณะที่ปัจจุบันเพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาท แต่ประชาชนต้องเช่าบ้าน ค่าอาหารราคาสูงขึ้น จึงแก้ปัญหาไม่ได้"
อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลพยายามปฏิรูปที่ดิน แต่ไม่ได้ปฏิรูปการเกษตร เพราะหากทำเกษตรเชิงเดี่ยว ใช้ที่ดินมากก็ไม่พอกิน แต่ถ้าทำเกษตรยั่งยืน 2 ไร่ก็พอกิน วิธีการแก้ปัญหามีมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องริบที่ดินจากคนรวย เช่น การขึ้นภาษี หรือจัดสรรที่ดิน
สำนักข่าวอิศรา วันที่ 26 ตุลาคม 2556
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.