"สมคิด"หวังกองทุนฟื้นฟูฯสร้างเกษตรกรสมัยใหม่ หนุนใช้แนวทางประชารัฐปฏิรูปภาคเกษตร สามารถต่อยอดผลิตสินค้าไปจำหน่ายต่างประเทศได้ ไม่ใช่รอให้รบ.แก้ปัญหาหนี้สินเพียงอย่างเดียว
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 59 โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร กล่าวปาฐกถาเรื่อง "แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐเพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งและยั่งยืน"ว่า ต้องการให้ตัวแทนสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรช่วยกันสร้างเกษตรกรสมัยใหม่ นำนโยบายรัฐบาลที่เน้นการปฏิรูปการเกษตรให้เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำการเกษตร และให้สามารถต่อยอดผลิตสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้ นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรเพียงอย่างเดียว "คุณแก้หนี้ปีนี้ ปีหน้าก็เป็นหนี้ใหม่ แต่เราต้องหาทางสร้างความเข้มแข็งขึ้นมาเป็นเกษตรสมัยใหม่ ไม่ใช่มาบอกให้แก้หนี้อย่างเดียว แต่จะทำอย่างไรให้เป็นเกษตรกรสมัยใหม่ให้ได้"นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำเพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งการทำให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง เปลี่ยนพฤติกรรมให้มีการปลูกพืชหลากหลายไม่เน้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ให้ความช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้สิน และเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ในวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท และปัจจุบันมีการเสนอโครงการมาแล้ว 5หมื่นกว่าโครงการ ผ่านการคัดเลือก 4 พันกว่าโครงการ และได้จัดส่งเม็ดเงินไปแล้ว เพื่อนำไปต่อยอดให้การพัฒนาทางด้านการเกษตร
นายสมคิดระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกในสัดส่วนถึง 70% ของ GDP ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหาจึงส่งผลกระทบกับการส่งออกของทั้งโลก ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ ซึ่งด้านการเกษตรถือเป็นเศรษฐกิจหลักด้านหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาขาดการพัฒนาและต่อยอดด้านนวัตกรรม ขาดการลงทุนใหม่ๆ และเมื่อเกิดปัญหาก็จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว
นายสมคิด ยังต้องการทำให้สินค้าเกษตรไทยเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวผ่านช่องทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค เพื่อนำเงินที่ได้ไปพัฒนาในท้องถิ่นของตนเองได้ พร้อมกับย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการไม่ใช่โครงการประชานิยม แต่เป็นการสร้างความเข็มแข็งให้กับชุมชน และเป็นการรากฐานให้กับลูกหลานในอนาคต เพิ่มอำนาจซื้อ และลดการพึ่งพิงการส่งออก
พร้อมระบุว่า ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 1 ปีครึ่ง ต้องการให้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นกำลังหลักที่สำคัญในการทำให้เกษตรกรสามารถดูแลตัวเองได้ สร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน และขอร้องอย่าให้มีการออกมาเรียกร้องด้วยการเดินขบวนประท้วง เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ขณะเดียวกันยังหวังให้ทุกองค์กรทั้งกองทุนฟื้นฟูฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วน ช่วยกันผลักดันแนวทางประชารัฐ ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น
ที่มา : สยามรัฐ วันที่ 29 มี.ค. 2559
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.