"ดาว์พงษ์"สั่งลุยทวงพื้นที่ป่าคืน 6 แสนไร่ จากนายทุน ดีเดย์ 1 มิ.ย.นี้ เน้นสวนยางเป็นหลัก เผยรัฐบาลชุดนี้ทำไม่ทัน วอนรัฐบาลหน้าสานต่อ
ที่กองทัพภาคที่1 พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการประชุมบูรณาการหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการหาแนวทางสนับสนุน ทส.การบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกปลูกยางพาราในพื้นที่กองทัพภาคที่1 โดยมีพล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 หน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 1 เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่1 (กกล.รส.ทภ.1) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค1 (กอ.รมน. ภาค1) และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เข้าร่วมประชุม
โดยในที่ประชุม พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า กองทัพภาคที่1 ตระหนักว่ารัฐบาลมีเจตนาและแนวทางที่ชัดเจน ในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าไม้ให้เป็นรูปธรรมพร้อมทั้งขับเคลื่อนการปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ทั้งนี้การบุกรุกป่าไม้เป็นบ่อเกิดปัญหาส่งผบกระทบประชาชน อาทิ ภัยแล้ง น้ำท่วม หมอกควัน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางเป็นย่านที่มีความเจริญมีการบุกรุกป่าไม้เพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการที่รมว.ทส.มามอบแนวทางการปฏิบัติงาน ถือว่ามีความสำคัญ เพราะทำให้หน่วยงานทุกภาคส่วนตระหนัก เข้าใจนโยบายและการแก้ไขไปในทิศทางเดียวกันและพร้อมปฏิบัติงานให้เป็นตามเจตนารมย์ของรัฐบาล
จากนั้นพล.อ.ดาว์พงษ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า เป็นการขับเคลื่อนแผนในการนำพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกคืนตามนโยบายของรัฐบาลและตามแผนของทส.ที่ตั้งเป้าไว้ โดยจะให้ความเร่งด่วนกับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทำยางพาราก่อน สำหรับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกในส่วนที่กองทัพภาคที่ 1 ดูแลมีประมาณ 1แสนไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานและพื้นที่ป่าไม้ที่มีเป้าหมายว่าต้องนำคืนมาให้ได้ก่อนสิ้นเดือนธ.ค.นี้ ทุกภาคส่วนต้องทำงานร่วมกันจึงจะสำเร็จ ทางทส.ทำคนเดียวไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาจำนวนที่นำพื้นที่คืนมาได้ยังค่อนข้างน้อย จึงต้องขอความร่วมมือ โดยกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า การเข้าตรวจพื้นที่จะต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าแต่ละพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์หรือไม่ เรากำหนดจุดไว้แล้ว ถ้าไม่เจอตัวผู้บุกรุกก็เอาพื้นที่คืนมาก่อน และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบสวนว่าใครเป็นนายทุน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม การที่มีทหารมาช่วยทำให้ลูกน้องของตนอุ่นใจ เพราะเชื่อว่าผู้มีอิทธิพลจะไม่กล้าออกมาแสดงตน อีกทั้งทส.และกองทัพบกมีข้อตกลงร่วมกันมานาน รวมถึงมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้กำลังทหารทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทส. เพราะเรื่องของป่าไม้ถือว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงด้วย ส่วนคนจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน รัฐบาลมีแนวทางช่วยเหลืออยู่แล้ว โดยมีการจัดสรรที่ดิน
"เราดีใจที่มีทหารมาร่วมกับเรา การดำเนินงานมีขั้นตอนครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว มีรายชื่อป่า รายชื่ออุทยาน จำนวนพื้นที่กี่ไร่บ้าง และตั้งแต่วันที่1 มิ.ย. เป็นต้นไปจะเริ่มเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินงานตามขั้นตอนที่วางไว้ ส่วนการลงพื้นที่จริงจะต้องมีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดอีกรอบ เพื่อความมั่นใจ ส่วนท้องถิ่นและชาวบ้านต้องร่วมมือกับเรา เราจะไม่เดินเข้าพื้นที่ถ้าไม่มีผู้นำท้องถิ่น เพราะเขาจะรู้ดีว่าพื้นที่ใดของนายทุน และพื้นที่ใดของชาวบ้าน ย้ำว่าจะต้องไม่มีการเคาะกะลาเรียกรับผลประโยชน์จากนายทุน รวมถึงเจ้าหน้าที่ต้องระวังการแอบอ้าง ผมประกาศเลยว่าจะไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ ตั้งโต๊ะแอบอ้าง อย่าไปหลงเชื่อ และจะเสียเงินเปล่า ยืนยันว่าผมไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คุณลุงป้าที่บุกรุกพื้นที่ป่า ที่มันเยอะจึงต้องค่อยๆดำเนินการ" พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่าการดำเนินการครั้งนี้จะทันต่อเวลาของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า จริงๆแล้วไม่ทัน เพราะคนที่ไม่มีที่ดินทำกินที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีประมาณ 3.3 แสนราย ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าช่วยเหลือ 2 หมื่นราย ส่วนที่มีมติคณะรัฐมนตรีปี 41 รองรับอีกประมาณ 6 แสนราย ซึ่งตัวเลขก็ยังไม่นิ่ง ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ได้สั่งให้กระทรวงเกษตรฯ ไปสำรวจอีกครั้ง อย่างไรก็ตามต้องขอเวลา เพราะเป็นโครงการใหม่ ไม่กล้าตั้งเป้าหมายจำนวนมาก เพราะประชาชนยังติดนิสัยอยากได้ที่เป็นเอกสารสิทธิ์รายบุคคล แต่เราให้ไม่ได้ และเราถอยหลังไม่ได้ จึงต้องให้เอกสารสิทธิ์เป็นภาพรวม ทั้งนี้เชื่อว่าจะใช้เวลาอีกหลายรัฐบาลช่วยกันเดินหน้า เพื่อให้โครงการนี้จบ เพราะรัฐบาลนี้ทำอย่างไรก็ทำไม่ทัน แต่เราจะช่วยปูพื้นฐานไว้ให้ ส่วนพื้นที่ที่บุกรุกทำสวนยางพารามีประมาณ5.5 ล้านไร่ ทำให้ปริมาณน้ำยางพาราล้นตลาด ดังนั้นปีนี้เราตั้งเป้าหมายนำพื้นที่คืน 6แสนไร่ทั้งประเทศ ส่วนปี59 ตั้งเป้าไว้ 9แสนไร่ รวมกันประมาณ1.5 ล้านไร่ที่เป็นพื้นที่ของนายทุน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 22 พ.ค. 2558
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.