22 พ.ค. 58 นายคณิต ลิขิตวิทยาวุฒิ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรหรือ สศก. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติหรือ กปน. ระบุว่า แนวทางแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำน้ำมันทั้งระบบ มาตรการเร่งด่วนคือให้กรมการค้าภายในกำหนดราคาแนะนำในการรับซื้อผลปาล์มทะลายผลปาล์มร่วงและน้ำมันปาล์มดิบ ในราคาเดียวกัน โดยออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ สกกร.
โดยอัตราน้ำมันร้อยละ 17 ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.20 บาท ส่วนเกษตรกรที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงกว่าร้อยละ 17 ทุกร้อยละ 1 จะได้ราคาเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 30 สตางค์ ขณะที่ผลปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำกว่าร้อยละ 17 ทุกร้อยละ 1 จะลดราคากิโลกรัมละ 25 สตางค์ และในระหว่างนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ได้ผ่อนผันให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตที่มีน้ำมันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ต่อไปได้เพื่อให้เวลาให้เกษตรกรได้ปรับตัว หลังจากนั้นจะมีการประเมิน และจะรับซื้อปล์ามน้ำมันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 17 เท่านั้น โดยเกษตรกรจะต้องปรับตัวหาก3เดือนยังมีการตัดปาล์มอ่อนที่มีเปอร์เซ็นน้ำมันต่ำกว่า17%จะก้ามลานเทและโรงงานซื้อเด็ดขาดโดยมาตรการดังกล่าวเพราะต้องการให้เกษตรกรเก็บผลปาล์มที่มีคุณภาพมากขึ้น
นอกจากนี้หน้าได้กำหนดให้โรงกลั่นลงผลิตไบโอดีเซลและผู้รับซื้อน้ำมันดิบทั่วไปรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 26.20 บาทเพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวดไม่เกินลิตรละ 42 บาท
สำหรับมาตรการระยะ 3 เดือน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลการรับซื้อของลานเทให้เป็นไปตามประกาศของ ส.กกร. ขณะเดียวกันมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเร่งตรวจสอบพื้นที่ปลูกปล์ามน้ำมัน เพื่อประเมินผลผลิตต่อไป
ส่วนมาตรการระยะยาว มี 2 แนวทางหลัก คือ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งเสริมโรงงานให้สามารถสกัดปล์ามทลายได้ และแยกสกัดน้ำมันเนื้อในเมล็ดปล์ามได้ นอกจากนี้ได้เร่งดำเนินการ ยกร่าง พรบ.ปล์ามน้ำมันและน้ำมันปล์าม
สำหรับระยะเวลาการรับซื้อน้ำมันปล์ามดิบ กำหนด 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน -พฤศจิกายน โดยระยะการเก็บรักษาไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งขอใช้งบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก. จำนวน 2,952 ล้านบาท แบ่งเป็นทุนหมุนเวียน จำนวน 2,620 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนในการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ ปริมาณ 1 แสนตัน จากโรงงานสกัดในราคากิโลกรัมละ 26 บาท 20 สตางค์ //เงินจ่ายขาดให้กับค่าใช้จ่ายในการเก็บสต๊อกน้ำมันปล์ามดิบ ตันละ 214 บาท/เดือน วงเงิน 276 ล้านบาท//ค่าใช้จ่ายองค์การคลังสินค้า วงเงิน 16 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการขายอีก 40 ล้านบาท
นายอิทธิพงศ์ คุณากรบดินทร์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ยอมรับว่าที่ผ่านมาในส่วนปาล์มน้ำมันนั้นมีปัญาเรื่องการบริหารจัดการสต๊อกโดยทีบางช่วงขาดและมีบางช่วงปริมาณมากเกินไปจนราตกต่ำบางช่วงขาดแคลนจนต้องนำเข้า โดยจากนี้ไปจะต้องวางแผนในการบริหารจัดการโครงสร้างทั้งระบบโดยจะต้องวางกรอบการบริหารสต๊อกซึ่งกระทรวงพาณชย์จะต้องไปซื้อในช่วงราคาตกต่ำและนำมาใช้ในช่วงน้ำมันแาล์มขาดแคลนจะทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศต่อไป
และจากการตรวจสอบพบว่าผลผลิตที่มีขณะนี้พบว่ามีแริมาณมากกว่าความจำเป็นใช้ในประเทศด้วยซ้ำโดยในอนาคตไทยจะสามรถส่งออกแขางขันกับต่างประเทศได้เพราะค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องดารขนส่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเชี่ยนและน่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศอีกสินค้าหนึ่งด้วย
ที่มา : แนวหน้า วันที่ 22 พ.ค. 2558