สนช.เตรียมเคาะภาษีมรดก 21 พ.ค. กำหนดเก็บภาษีเฉพาะคนที่ได้รับมรดก 100 ล้านขึ้นไป ในอัตรา 10% ลดอัตราเบี้ยปรับคนรวยหนีภาษี
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันที่ 21 พ.ค.มีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญที่มีนายสมหมาย ภาษี รมว.คลังเป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยสนช.จะต้องพิจารณาเป็นรายมาตราและลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบเพื่อนำไปสู่การประกาศใช้เป็นกฎหมายหรือไม่ต่อไป
สำหรับร่างพ.ร.บ.นี้มีหลักการและเหตุผล คือ โดยที่การถ่ายโอนทรัพย์สินโดยทางมรดกในปัจจุบันได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี ไม่ว่าทรัพย์สินจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม สมควรที่จะจัดเก็บภาษีตามสมควรจากการรับมรดกที่มีมูลค่าจำนวนมากเพื่อนำไปพัฒนาประเทศและยกระดับการดำรงชีวิตของประชาชนที่ยากไร้ให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ โดยไม่ให้กระทบถึงผู้ที่ได้รับมรดกพอสมควรแก่การดำรงชีพ โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 90 วันนับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ขณะที่ เนื้อหาในร่างพ.ร.บ.ที่คณะกมธ.ฯได้พิจารณาเสร็จแล้วนั้นคณะกมธ.ฯได้แก้ไขให้ผู้ได้รับมรดกจากเจ้ามรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลายคราว ถ้ามรดกที่ได้รับมาจากเจ้ามรดกแต่ละรายรวมกันมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท จากเดิมที่ร่างพ.ร.บ.ที่คณะรัฐมนตรีเสนอเข้ามาสนช.กำหนดไว้ที่ 50 ล้านบาท โดยบัญญัติให้เสียภาษีในอัตรา 10% ของมูลค่าในส่วนที่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าผู้ได้รับมรดกเป็นบุพกการีหรือผู้สืบสันดานให้เสียภาษีในอัตรา 5%
ที่สำคัญคณะกมธ.ได้กำหนดประเภทของมรดกที่ต้องเสียภาษีเอาไว้ด้วยกัน 5 ประเภท ได้แก่ 1. อสังหาริมทรัพย์ 2.หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 3.เงินฝากหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่เจ้ามรดกมีสิทธิเรียกถอนคืนหรือสิทธิเรียกร้องจากสถาบันการเงินหรือบุคคลที่ได้รับเงินนั้นไว้ 4.ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน และ 5.ทรัพย์ทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มเติมเนื้อหาในร่างพ.ร.บ.ด้วยการให้มีการพิจารณาทบทวนมูลค่ามรดกทุก 5 ปี โดยนำอัตราการ
เปลี่ยนแปลงดัชนีราคาผู้บริโภคที่กระทรวงพาณิชย์คำนวณเพื่อใช้ในราชการในรอบระยะเวลานั้นมาประกอบการพิจารณาด้วย
ส่วนบทกำหนดโทษที่เป็นเบี้ยปรับและเงินเพิ่มในกรณีที่มีบุคคลไม่ยอมเสียภาษี คณะกมธ.ฯได้แก้ไขให้ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีแต่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภายในกำหนดเวลา ให้เสียเบี้ยปรับอีกหนึ่งเท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระจากเดิมที่กำหนดไว้สองเท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ และถ้าเป็นกรณีที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริงอันเป็นเหตุให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียขาดไป ให้เสียเบี้ยปรับอีก 0.5 เท่าของเงินภาษีที่ต้องเสียเพิ่มจากเดิมที่กำหนดให้เสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของเงินภาษีที่ต้องเสียเพิ่ม
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ วันที่ 16 พ.ค. 2558