“สมหมาย” ลั่นหากยังอยู่ตำแหน่งขุนคลัง ต้องดันภาษีที่ดินให้เกิดใน รบ.ชุดนี้ เร่งถกให้ได้ข้อสรุปสัปดาห์นี้ ซัดคนค้านเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ แจงต้องนำเงินมาพัฒนาประเทศ คาดบ้าน 1-2 ล้านของราคาประเมิน จะเสียล้านละ 250 บาท หรือไม่เกิน 4 ล้าน เสียไม่เกิน 1.5 พันบาทต่อปี...
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปภาษี เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับสมบูรณ์ เพื่อส่งต่อให้ภาคสังคม และภาควิชาการ ไปพิจารณาการเก็บภาษีใน 4 อัตรา ว่าอัตราที่เหมาะสมควรจะเป็นอย่างไร คือ อัตราภาษีสำหรับที่ดินเพื่อการเกษตร, อัตราภาษีสำหรับที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย, อัตราภาษีสำหรับที่ดินที่ใช้เชิงพาณิชย์ และอัตราภาษีที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า
ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากยังอยู่ในตำแหน่ง รมว.คลัง จะต้องมีการผลักดันให้ภาษีที่ดินเกิดขึ้นให้ได้ เนื่องจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคงจะไม่ยอมดำเนินการ เพราะจะกระทบกับคะแนนเสียง ส่วนกรณีที่มีการออกมาคัดค้านภาษีที่ดิน สะท้อนให้เห็นว่าคนในสังคมสนใจแต่เรื่องส่วนตัว เป็นห่วงเฉพาะภาษีที่อยู่อาศัย ไม่ได้มองว่ารัฐบาลมีการจัดเก็บภาษีที่ใช้เชิงพาณิชย์ ที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งจัดเก็บในอัตราที่สูงเพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่มีที่ดินมากๆ นำออกมาใช้เพิ่มกระบวนการผลิต เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ
“แต่ไม่มีใครพยายามทำความเข้าใจ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่คนส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว คนชั้นกลางบางกลุ่มก็เห็นแก่ได้ การชะลอภาษีที่ดินออกไป ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะไม่เอา กฎหมายนี้จะจบก็ต่อเมื่อผมออกจากตำแหน่งแล้วเท่านั้น"
สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินจะสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นจากปีละ 2 หมื่นล้านบาท เป็นปีละ 2 แสนล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนนี้ไม่ได้เข้ารัฐบาลกลาง ดังนั้น หากไม่เดินหน้าเก็บภาษีที่ดิน ในระยะต่อไปจะส่งผลให้รัฐบาลมีความเสี่ยงด้านการคลัง ซึ่งที่ผ่านมา มีการทำงบประมาณแบบขาดดุลมานาน รัฐบาลก่อนหน้ามีการใช้งบประมาณแบบล้างผลาญกันมาก ในระยะต่อไปรัฐบาลจำเป็นต้องมีรายได้เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ ต้องมีการกู้เพิ่ม ทำงบขาดดุลต่อเนื่อง ดังนั้น ไม่ควรชะล่าใจกับเพดานหนี้สาธารณะ แม้ว่าวันนี้จะยังต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังก็ตาม
พร้อมระบุหลักการในการจัดเก็บภาษีที่ดินสำหรับที่อยู่อาศัย โดยผู้มีรายได้น้อยต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการเพิ่มอัตราลดหย่อนจากเดิมอัตราจัดเก็บที่ 0.1% ของราคาประเมิน โดยเก็บล้านละ 1 พันบาท ให้ยกเว้นเป็น 1-2 ล้านบาทแรก เสียภาษี 25% ของอัตรา 0.1% จากราคาประเมิน หรือล้านละ 250 บาท บ้าน 2 ล้าน เสีย 500 บาทต่อปี โดยบ้านราคา 3-4 ล้านบาท เสียภาษี 50% ของอัตรา 0.1% จากราคาประเมิน หรือล้านละ 500 บาท ดังนั้น ถ้าบ้านไม่เกิน 4 ล้านบาท จะเสียภาษีไม่เกิน 1,500 บาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่เป็นภาระมาก
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 16 มี.ค. 2558