นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.ศก.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างหนี้สินเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 116,000 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 8.18 แสนราย โดยมอบให้ระหรวงการคลังหารือกับ ธ.ก.ส. เพื่อสรุปหลักเกณฑ์และรายละเอียดก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 มีนาคม.2558 และการปรับโครงสร้างหนี้เกษตรกรได้ผ่านการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ การแก้ไขหนี้สินเกษตรกรรายย่อย ของ ธ.ก.ส. วงเงิน 116,000 ล้านบาท เกษตรกร 8.18 แสนราย จะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่มหนี้ 3 กลุ่มโครงการดังนี้ ดังนี้คือ 1 .โครงการปลดหนี้(ตัดหนี้สูญ) สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีศักยภาพ เสียชีวิต ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้องรัง ชรา และมีปัญหาสุขภาพและเป็นหนี้ที่ใช้หลักประกันหรือค้ำประกันกลุ่ม กลุ่มนี้ครอบคลุมเกษตรกรจำนวน 2.84 แสนราย วงเงิน 4,000 ล้านบาท
กลุ่ม ที่ 2 โครงการปรับโครงสร้างหนี้ เกษตรกร 3.4 แสนราย วงเงิน 48,000 ล้านบาท เกษตรกรกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีศักภาพในการประกอบการชีพ แต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ กลุ่มนี้สามารถเข้าโครงการพักชำระหนี้เงินต้นเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นสามารถชำระคืนเป็นรายงวด ตามแต่จะตกลงระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 15 ปี เมื่อมีการชำระหนี้เงินต้นได้ตามเวลาที่กำหนด หรือชำระหมด ในส่วนของดอกเบี้ยก็ไม่ต้องชำระ ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับโครงสร้างแล้วธ.ก.ส.จะรับภาระดอกเบี้ยบางส่วนแทน เกษตรกร รวมทั้งจะสนับสนุนสินเชื่อใหม่ตามแผนฟื้นฟู การประกอบอาชีพ การเกษตรหรือาชีพอื่นที่เหมาะสมในวงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท/ราย วงเงินสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท
กลุ่มที่ 3 โครงการขยายเวลาพักชำระหนี้ สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพ ในการประกอบอาชีพ แต่ได้รับผลกระทบจากการงดทำนาปรัง และราคายางพาราตกต่ำมูลหนี้วงเงิน 64,000 ล้านบาท จำนวนเกษตรกร 4.5 แสนราย กลุ่มนี้พิจารณายืดระยะเวลาในการชำระดอกเบี้ย และงดคิดเบี้ยปรับดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่เหมาะสม รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมให้ เพื่อปลูกพืทดแทน และประกอบกอาชีพการเกษตรอย่างอื่นหรือประกอบกอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย รวมวงเงินสินเชื่อทั้งโครงการ 3.5 หมื่นล้านบาทโดยคิดดอกเบี้ยอัตราปกติของธ.ก.ส.
ที่มา : มติชน วันที่ 25 ก.พ. 2558