นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครั้งที่ 1/2558 ว่า ที่ประชุมได้ลงมติให้มีการประชาพิจารณ์ข้อกฎหมายที่จะแก้ไขในพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 โดยเนื้อหาที่จะมีการแก้ไข ได้แก่
1)ขยายขอบเขตการใช้เงินกองทุนส.ป.ก. เช่น รับซื้อสิทธิที่ดินต่างๆ เพื่อจัดสรรแก่เกษตรกร 2)ให้อำนาจสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สามารถซื้อที่ดินนอกเขตปฏิรูปที่ดิน แล้วออกพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตปฏิรูปที่ดินย้อนหลังได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาการประกาศเขตฯช้า ดำเนินการไม่ทันท่วงที
3)กรณีสภาพที่ดิน ส.ป.ก. ที่พัฒนาเป็นชุมชนเมืองโดยเกษตรกรมิได้ตั้งใจ เช่น มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในบริเวณ ชุมชนเมืองขยายตัว มีการเสนอให้ส่งมอบที่ดิน ส.ป.ก. ที่พัฒนาเป็นเมืองให้แก่กรมธนารักษ์ 4)ให้มีการระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ที่ดินส.ป.ก.4-01 ใช้เพื่อทำกิจกรรมทางการเกษตรเท่านั้น
นายปีติพงศ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นควรให้มีการประชาพิจารณ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วประเทศก่อน แล้วจึงนำมาพิจารณาโดยคณะกรรมการฯใหม่อีกครั้ง เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเสนอได้ภายในเดือนมี.ค.นี้
นอกจากนี้ได้สั่งการให้ ส.ป.ก. จัดทำแผนงานการตรวจสอบการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่ได้แจกจ่ายไปแล้ว 30 ล้านไร่ ภายในปีพ.ศ.2560
โดยให้ใช้ข้อมูลร่วมกับทะเบียนเกษตรกรจากกรมส่งเสริมการเกษตร และทะเบียนสำมะโนประชากรจากกระทรวงมหาดไทย หากพบว่าผู้ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ไม่ใช่เกษตรกร จะต้องลงตรวจสอบในพื้นที่เป็นรายบุคคล เพิกถอนสิทธิถือครองที่ดิน ให้เจ้าของที่ดินชี้แจง และหากไม่มีการชี้แจงจะส่งฟ้องร้องอัยการ
สำหรับการดำเนินงานครั้งนี้จะแตกต่างจากการสำรวจการถือครองที่ดิน พ.ศ.2554-2557 ที่พบว่ามีการใช้ที่ดินผิดประเภท 1,333 แปลง เนื่องจากการดำเนินงานครั้งก่อนเป็นการสำรวจเพื่อแจ้งทราบเท่านั้น แต่ครั้งนี้จะมีการฟ้องร้องตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ส.ป.ก.นำที่ดินคืนเพื่อแจกจ่ายแก่เกษตรกร
นายปีติพงศ์ กล่าวว่า ด้านมาตรการรับคืนที่ดินโดยจะจ่ายชดเชยให้ 60% ของราคาประเมิน ไม่เกิน 6 หมื่นบาท/ไร่ ที่ส.ป.ก.เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังไม่มีการดำเนินการต่อแน่นอน
“หลักการที่บอกไปจะต้องออกระเบียบอีกเยอะ ถ้าจะชดเชยได้อาจจะต้องเป็นกรณีเจ้าของเป็นผู้พิการจนไม่สามารถประกอบอาชีพต่อได้ ไม่ใช่ให้บุคคลอื่นไปแล้วมาขายคืนส.ป.ก. หรือเพิ่งได้รับที่ดินแล้วก็ขายคืน เรื่องนี้ถ้าผมยังนั่งอยู่รับรองได้ว่าจะไม่มีการทำ”
ที่มา : มติชน วันที่ 24 ก.พ. 2558