นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ภารกิจเร่งด่วนของกรมธนารักษ์ จะเน้นปฏิบัติตามแนวนโยบายรัฐบาล คือ การประเมินราคาที่ดินรายแปลงทั่วประเทศ รองรับการบังคับใช้ของร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการผลักดันให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งขณะนี้ได้ประเมินราคาที่ดินรายแปลงแล้ว 7 ล้านแปลง จาก 30 ล้านแปลงทั่วประเทศ ซึ่งกรมธนารักษ์จะจ้างพนักงานชั่วคราวจำนวน 100-200 คน มาช่วยประเมินราคาที่ดิน และถ่ายทอดข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ้น ซึ่งจะเป็นผู้จัดการเก็บภาษาที่ดิน นอกจากนี้ยังจ้างที่ปรึกษา เพื่อช่วยวางกรอบการทำงานประเมินราคาที่ดิน ซึ่งจะต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินราคาที่ดินทั้งหมด คาดว่าจะเห็นภาพกรอบการทำงานที่ชัดเจนภายใน 1 ปีนี้
“ธนารักษ์จะวางกรอบการทำงานเรื่องประเมินราคาที่ดิน เพื่อทำเป็นศูนย์ข้อมูลเรื่องที่ดินของประเทศ ต่อไป ใครจะมาใช้ข้อมูลนี้ก็ได้ เช่น ธนาคารพาณิชย์ ต้องการข้อมูลเรื่องราคาประเมินก่อนปล่อยสินเชื่อหรือข้อมูลที่ใช้ในการวางนโยบายดูแลภาคเกษตรของประเทศ ก็สามารถใช้ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลเรื่องที่ดินได้”
นายจักรกฤศฎกิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายการบริหารจัดการที่ราชพัสดุนั้น จะไม่เน้นการนำที่ราชพัสดุมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ แต่จะเน้นพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงสังคม เช่น สวนสาธารณะ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนต่างๆ ซึ่งที่สุดแล้วผลที่ได้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจ ส่วนการนำพื้นที่ราชพัสดุมารองรับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น กรมธนารักษ์ จะต้องพิจารณารายละเอียดในแต่ละพื้นที่ว่ามีพื้นที่เหมาะ ขณะที่พื้นราชพัสดุที่ยังมีปัญหากับเอกชนในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ก็จะเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้มีความชัดเจนโดยเร็ว
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 27 ม.ค. 2558