แนวร่วมเกษตรกรฯ นับร้อย บุกทำเนียบฯ ยื่นหนังสือ "บิ๊กตู่" วอนช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน ขู่ไม่มีความคืบหน้า ปักหลักชุมนุมยาว
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน (ฝั่ง ก.พ.) กลุ่มแนวร่วมเกษตรกรไท นำโดยนางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ผู้ประสานงานแนวร่วมเกษตรกรไท พร้อมด้วยสมาชิกกว่า 100 คน เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึกให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอให้รัฐบาล และ คสช.ใช้อำนาจพิเศษแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกร พร้อมเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยให้มีมาตรการปลดหนี้ให้เกษตรกรที่มีหนี้สินจากการส่งเสริมโครงการของรัฐ และเกษตรกรที่เสียชีวิตและพิการ รวมทั้งให้มีมาตรการลดหนี้ให้เกษตรกรที่มีอายุเกิน 60 ปี ให้เหลือชำระหนี้เงินต้น ร้อยละ 20 และเกษตรกรที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 5 แสนบาท ให้เหลือชำระหนี้เงินต้น ร้อยละ 30 ส่วนเกษตรกรที่มีหนี้ และขึ้นทะเบียน ไว้ที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกรให้เหลือชำระเงินต้น ร้อยละ 50 เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลานเกษตรกรได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เกิดจากการลงทุน ไม่ใช่การชำระหนี้ต่อจากพ่อแม่ นอกจากนี้ต้องจัดงบประมาณเพื่อการฟื้นฟูอาชีพผ่านองค์กรเกษตรกรต่อไป
นางกิมอัง กล่าวว่า ขณะนี้มีเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก เนื่องจากที่ดินทำกินถูกยึดและถูกขายทอดตลาด จึงถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข ซึ่งหากหลังการพูดคุยกับนายอำนวยในเวลา 13.30 น. ที่กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป และยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อซื้อคืนหนี้ หรือการสั่งการให้สถาบันการเงิน ชะลอการขายทรัพย์ไว้ก่อน ทางแนวร่วมฯ จะปักหลักชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามมาตรการแก้ไขปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือผ่านหน่วยงานต่าง ๆ มาถึง 5 ครั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
ด้านนายอำนวย กล่าวว่า รัฐบาลได้รับทราบปัญหาที่เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมาโดยตลอด ซึ่งตั้งแต่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร หมดวาระลง ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งขอเรียนว่าขณะนี้รัฐบาลได้พยายามเร่งแก้ปัญหาของเกษตรกรทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง แต่ติดขัดปัญหาภายในกองทุนฟื้นฟูฯ และข้อกฎหมายบางประการ แต่เงินที่ยังไม่ถูกอนุมัติจาก ครม.ชุดที่ผ่านมา ก็จะถูกแบ่งออกมาใช้ใน 4 เรื่อง และจะนำมาจ่ายให้สมาชิกอย่างแน่นอน
ที่มา : เดลินิวส์ วันที่ 15 ม.ค. 2558