สปก.เผยผลสำรวจผู้ครอบครองที่ดินรายใหญ่สปก. ตรวจสอบรายแปลงหืดขึ้นคอ เดือนเดียวได้แค่แสนแปลง เผยเร่งทำเสนอรัฐบาล ผงะ แค่ 105 ราย ทั้งนักธุรกิจรายใหญ่ การเมือง เอกชน ครอบครองที่ดิน ถึง 1.1 แสนไร่ จ่อขอกำลังทหารช่วยลดแรงปะทะในพื้นที่
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจผู้ครอบครองที่ดินรายใหญ่ของรัฐในพื้นที่สปก. 5 ล้านไร่ที่สปก.ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการจัดสรรให้เกษตรกรได้และต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและเอาคืนตามนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยการดำเนินการลงพื้นที่รายแปลงทุกจังหวัด เบื้องต้นใน 1เดือนที่ผ่านมาสามารถตรวจสอบได้แล้วประมาณ 1.1 แสนแปลงซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการทำรายละเอียด เพื่อเสนอนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยารมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ได้ให้ 3 หน่วยงานเป็นเจ้าภาพในแต่ละมาตรการ ซึ่งสปก. อยู่ในกลุ่มที่ 1กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในขึ้นตอนการรวบรวมที่ดินของรัฐที่ถูกบุกรุก
“ ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จะเน้นการจัดที่ดินในเขตป่าก่อนซึ่งเบื้องต้นจะจัดได้ประมาณ 5 หมื่นไร่กรณีป่าพื้นที่ใดไม่เหมาะสมจะให้คนอยู่ ทส.จะกันพื้นที่ออกมาทั้งหมดเช่นป่าต้นน้ำหรืออุทยานโดยจะจัดให้ในเขตป่าเสื่อมโทรมที่กรมป่าไม้อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ได้เป็นกรรมสิทธิ์รวมและหากไม่พอ จะกันคนเหล่านั้นมาให้อยู่ในเขต สปก.หลังจากนั้นคณะกรรมการชุดพัฒนาอาชีพของกระทรวงเกษตรฯจะเข้าไปส่งเสริมและพัฒนาอาชีพต่อไป ” นายวีระชัย กล่าว.
แหล่งข่าวในกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่าในการตรวจสอบผู้ครอบครองที่ดินรายใหญ่ของสปก.กว่า 40 ล้านไร่ ทั่วประเทศ พบนักธุรกิจรายใหญ่นักการเมืองท้องถิ่น เข้าไปครอบครองกว่า 5 แสนไร่ เช่นสวนป่ากิตติ จ.ฉะเชิงเทราครอบครองรายเดียวกว่า 2 แสนไร่ โดยร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดโดยเข้าตรวจสอบเบื้องต้นพร้อมที่จะดำเนินการขั้นตอนเพิกถอนซึ่งตรวจสอบแล้ว 12 จังหวัด ในทุกภาครวม 1.1 แสนไร่ จาก 105 ราย แบ่งเป็นภาคเหนือ 54 ราย พื้นที่ 1.4 หมื่นไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 ราย 9.8 พันไร่ ภาคกลาง 122 รายพื้นที่ 3.6 หมื่นไร่ และภาคใต้ 11 รายพื้นที่ 5.2 หมื่นไร่ทั้งนี้คาดว่า รัฐบาลและคสช.จะมีมาตรการร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรเพราะหากให้สปก.ทำหน่วยงานเดียวจะรับไม่ไหว เพราะอิทธิพลในพื้นที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะ จ.กระบี่มีการยิงเกษตรกร ที่เข้าไปจับจองที่ดินเสียชีวิตบ้างแล้ว รวมทั้งอาจต้องย้ายสปก.จ.กระบี่ออกจากพื้นที่เพื่อลดความขัดแย้งในพื้นที่ลง ทั้งนี้จะหารือกับนายปีติพงศ์เพื่อให้ขอกำลังทหารจากกองทัพเข้าไปช่วยลดแรงปะทะที่เกิดในทุกท้องถิ่นที่เจ้าหน้าที่สปก.เข้าไปตรวจสอบโดยเฉพาะที่ดินที่ครอบครองโดยนายทุน
ที่มา : เดลินิวส์ วันที่ 7 ธ.ค. 2557