บริษัทน้ำมันปาล์มฯ ทำเอกสารส่งถึง สปก.กระบี่ ระบุชัดมีที่ดินในครอบครองนับหมื่นไร่ที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินของ 3 อำเภอ ชี้ให้เห็นว่า มีการครอบครองที่ดินจริง แต่ไม่ใช่เป็นเจ้าของตามเอกสาร คาด กก.จะเพิกถอนเป็นรายแปลง ...
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 57 นายบัณทูร บุญนรากร ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงความคืบหน้าการเพิกถอนเอกสาร สปก.4-01 ในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่ อ.เหนือคลอง และ อ.เขาพนม ที่มีเอกชนครอบครองที่ดิน แต่ให้บุคคลอื่นถือครองเอกสาร ว่า ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ ได้นัดประชุมคณะอนุกรรมการระดับอำเภอ ในส่วนของ อ.เขาพนม เพื่อพิจารณาเพิกถอน สปก. จำนวน 17 แปลง 839 ไร่ ส่วน อ.เมืองกระบี่ ที่กรรมการให้ไปหาหลักฐานเพิ่ม จะนัดประชุมภายใน 15 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเอกสารที่ออกโดยบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ที่ส่งถึงสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ จำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 เป็นสิ่งยืนยันว่า บริษัทดังกล่าวได้ครอบครองพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน โครงการป่าห้วยทัง ป่าหนองน้ำแดง รวมกว่า 1 หมื่นไร่ ในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ เมืองกระบี่ เหนือคลอง และเขาพนม โดยในหนังสือฉบับแรก ยอมรับว่า บริษัทมีโฉนดที่ดินในเขตปฏิรูป จำนวน 53 แปลง เนื้อที่ 1,999 ไร่ และมีเอกสาร สปก.4-01 จำนวน 92 แปลง เนื้อที่ 4,154 ไร่ โดยมีการครอบครองมาตั้งแต่ปี 2524
ส่วนอีกฉบับ ระบุว่า ได้ครอบครองที่ดินเป็นแปลงตามแผนที่ ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปเช่นกัน เนื้อที่รวม 4,993 ไร่ ทั้งที่มี นส.3 ก และยังไม่มีเอกสาร แต่ได้ครอบครองมาตั้งแต่ปี 2524 เช่นกัน ทั้งนี้ เอกสารที่บริษัทนำมายื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงว่าบริษัทมีเอกสารสิทธิ และครอบครองมาตั้งแต่ปี 2524 ชี้ให้เห็นว่า เป็นการครอบครองที่ดิน แต่ไม่ใช่เป็นเจ้าของที่ดินตามเอกสาร เสมือนกับการใช้ชื่อบุคคลอื่นในการออกเอกสาร สปก.4-01 และออกโฉนดทับที่ดินในเขตปฏิรูป ซึ่งมีการตั้งกรรมการขึ้นมาทั้งฝ่ายทหาร สปก. และภาคส่วนต่างๆ ในการสอบสวนเรื่องนี้
ทั้งนี้ การเพิกถอน สปก.4-01 ดังกล่าว ขณะนี้มีแนวทางปฏิบัติ 2 แนวทาง คือ 1.ยกเลิกมติปฏิรูปที่ดินเมื่อปี 2552 ที่นำที่ดินมาจัดรูปที่ดินเพื่อออกเอกสาร สปก.4-01 และ 2. การเพิกถอน สปก.4-01 รายแปลง เนื่องจากผู้ถือครองเอกสารไม่ใช่ผู้เข้าทำประโยชน์อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการทั้งระดับอำเภอและจังหวัด เลือกที่จะใช้วิธีการเพิกถอน สปก.4-01 รายแปลง เพราะหากยกเลิกมติการออก สปก.4-01 เมื่อปี 2552 เท่ากับว่า การออกเอกสารในครั้งนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย ต้องมีการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเอาผิดทางอาญา แต่หากเลือกลงมติเพิกถอนรายแปลง กรณีการถือครอง แล้วให้บุคคลอื่นทำประโยชน์แทน ก็จะทำให้ไม่ต้องสอบสวนผู้ที่ร่วมกันนำที่ดินมาออก สปก.4-01
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 10 พ.ย. 2557