ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 49 พร้อมการประกาศผลดำเนินงานครึ่งแรกปีบัญชี 2557 (เม.ย.-ก.ย. 2557) ว่ามีกำไรสุทธิแล้ว 4,902 ล้านบาท
"ลักษณ์ วจนานวัช" ผู้จัดการ ธ.ก.ส.บอกว่า 6 เดือนแรกธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 33,469 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายรวม 28,563 ล้านบาท หรือคิดเป็นความสามารถในการทำกำไร (ROA) อยู่ที่ 0.76% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 0.89% โดยมีการให้สินเชื่อภาพรวมทั้งสิ้น 1,774,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปี 8.38% มาจากการจ่ายสินเชื่อธุรกรรมปกติของธนาคารที่เพิ่มขึ้น 3% และทำให้ยอดสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,002,647 ล้านบาท รวมกับสินเชื่อสนับสนุนโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (PSA) จำนวน 771,471 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นเงินทุนของ ธ.ก.ส. 242,758 ล้านบาท และเงินทุนที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ซึ่งอยู่นอกงบการเงินอีก 528,713 ล้านบาท
ขณะที่มียอดเงินฝากจำนวน 1,058,206 ล้านบาท สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 1,248,522 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,136,637 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 111,915 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 4.61% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 5.6% ด้านอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 12.51%
ผู้จัดการ ธ.ก.ส.ยังคาดการณ์แนวโน้มครึ่งปีหลังไว้ว่า จะมีสินเชื่อปล่อยใหม่เพิ่มขึ้น 40,000-50,000 ล้านบาท แม้ว่าล่าสุดจะได้ปรับลดเป้าหมายการขยายสินเชื่อในธุรกรรมปกติในปีบัญชีนี้ลงเหลือเติบโตประมาณ 8% จากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10-11% โดยส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับผู้ใช้สินเชื่อมีความระมัดระวังในการขอสินเชื่อมากขึ้น
"ปีนี้คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 8% ซึ่งตรงนี้ไม่นับรวมเม็ดเงินที่ทางธนาคารใช้ไปในการสนับสนุนมติ ครม. เพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร แต่หากนับรวมเงินที่จ่ายในโครงการตามนโยบายรัฐบาลด้วย การเติบโตสินเชื่อก็ถือว่ายังสูง"
พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ตอนนี้รัฐบาลมุ่งเน้นสร้างการแข่งขันสินค้าเกษตรในตลาด ไม่มีการแทรกแซงราคา ฉะนั้นราคาจะถูกกำหนดโดยตลาดอย่างสมบูรณ์ โดยที่ผ่านมารัฐบาลจะใช้วิธีการเข้าไปช่วยอุดหนุน ชดเชยต้นทุนให้กับชาวนา เพื่อให้ชาวนามีส่วนเหลือไปดูแลครอบครัวตัวเองได้ จึงทำให้ความต้องการสินเชื่อแตกต่างจากปีก่อนๆ ที่ผ่านมา
ส่วนเป้าหมายการระดมเงินฝากเหมือนเดิมคือ ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 80,000 ล้านบาท โดยจะปรับฐานเน้นรายย่อยให้มากขึ้น จากเดิมมุ่งระดมเงินฝากจากหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อสำรองสภาพคล่องไว้ในระดับสูง สำหรับสนับสนุนโครงการของรัฐบาลในอดีต ขณะที่ปัจจุบันได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากใหม่ ๆ เช่น สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. หน่วยละ 100 บาท มีรางวัลที่ 1 สูงถึง 10 ล้านบาท ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายไม่ถึง 1 เดือน มียอดฝากเข้ามาเกือบ 5,000 ล้านบาทแล้ว พร้อมกับตั้งหน่วยงานใหม่เข้ามารองรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ "สำนักเงินฝากสงเคราะห์ชีวิต" หลังจากแก้กฎหมายให้สามารถออกผลิตภัณฑ์เงินฝากที่มีการประกันชีวิตได้เหมือนธนาคารออมสิน ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมีผลิตภัณฑ์เงินฝาก "มอบรัก" คิดดอกเบี้ยปีละ 465 บาท คุ้มครอง 100,000 บาท กรณีเสียชีวิต และตั้งแต่เปิดตัวถึงปัจจุบันมีผู้ใช้บริการแล้วจำนวน 800,000 ราย
ส่วนในกลางเดือน พ.ย.นี้ จะมีผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิตตัวใหม่ ชื่อ "เพิ่มรัก" เป็นกรมธรรม์ออมทรัพย์แบบได้รับเงินคืน เมื่อครบกำหนดสัญญา ระยะเวลาจ่ายเบี้ย 10 ปี คุ้มครอง 12 ปี ผู้ซื้อสามารถเลือกวิธีการส่งเบี้ยได้ตามความสมัครใจ ขั้นต่ำเดือนละ 300 บาท หรือเพียงวันละ 10 บาท คุ้มครองชีวิต หรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรสูงสุด 200,000 บาท โดย "ลักษณ์" บอกว่า ตั้งเป้าหมายปีนี้ให้ได้ 100,000 ราย (กรมธรรม์)
พร้อมกับเล่าว่า ช่วงที่ผ่านมา ปริมาณเงินฝากในกรุงเทพฯและปริมณฑลของ ธ.ก.ส.มีปริมาณเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก สอดคล้องกับเป้าหมายการขยายสาขาในเมืองของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันมี 41 สาขา และจะครบ 50 สาขาในสิ้นปีบัญชีนี้ (มี.ค. 2558)
ด้วยเหตุนี้ ธ.ก.ส.จึงมีแนวคิดเชิญชวนผู้ฝากเงินในเขตกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ ๆ ฝากเงินไว้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งจะทำให้สามารถนำเงินทุนนี้ไปสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาคหรือต่างจังหวัด ที่เรียกว่า "Reverse Fund Flow" พร้อมกับตั้งหน่วยงานใหม่ "สำนักกิจการนครหลวง" เพื่อรองรับการบริการและวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดในเขตกรุงเทพฯและเมืองใหญ่
อีกด้านที่คู่ขนานกันคือการให้สินเชื่อรายย่อยแก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระในเขตเมืองซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาเงินทุนนอกระบบ และคนเหล่านี้เป็นลูกหลานลูกค้า ธ.ก.ส. ซึ่งปัจจุบันตามกฎหมาย ธ.ก.ส.ที่แก้ไขใหม่ เปิดทางให้ปล่อยสินเชื่อให้คนกลุ่มนี้ได้แล้ว
โดยล่าสุดจึงออกผลิตภัณฑ์ "สินเชื่ออุ่นใจคนไกลบ้าน" ให้กู้ไม่เกินรายละ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน สามารถให้บุคคลค้ำประกันได้ และให้พ่อแม่ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.ช่วยรับรองการขอกู้ของบุตร
ทั้งหมดนี้เป็นทิศทางของ ธ.ก.ส. ตามแนวคิด "Reverse Fund Flow" ระดมเงินคนเมืองกระจายทรัพยากรสู่คนชนบท
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 5 พ.ย. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.