ประยุทธ์เผยแผนแก้แล้งปี57-58ใช้1มาตรการหลัก6เสริม ผุด"ผูกปิ่นโตข้าว"พัฒนาคุณภาพชีวิตเพิ่มรายได้ชาวนา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง 2557-2558 ครม. ได้มี มีมติอนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ว สำหรับการเพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง จำนวน 398,347 ราย ใน 26 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกรวม 11.97 ล้านไร่ โดยจะใช้งบปกติ, งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558,งบกระตุ้นเศรษฐกิจตามมติ ครม. และงบกลาง รวมทั้งสิ้น 2,401 ล้านบาท
มาตรการแก้ไขปัญหาประกอบด้วย 1 มาตรการหลัก และ 6 มาตรการเสริม หนึ่งมาตรการหลัก คือ การจ้างแรงงานเพื่อซ่อมคูคลอง หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นลักษณะการใช้แรงงานนะครับ คนเฒ่าคนแก่ก็ไม่ต้องมาให้ลูกหลานมานะครับ มาช่วยกัน เพื่อจะมีรายได้เข้าไปเลี้ยงครอบครัวในช่วงฤดูแล้ง ทั้งนี้ ที่เราเน้นในเรื่องการขุดลอกคูคลอง หรือขจัดอุปสรรค ในเรื่องของทางเดินน้ำ อะไรดีก็ปลูกได้เหมือนเดิม ผมไม่ได้ไปยกเลิกอะไรใครทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเสริมให้ ถ้าทำไม่ได้น้ำน้อยจะทำอย่างไร ก็ต้องมีอาชีพอื่นเพื่อให้ทำกินได้
อีก 6 มาตรการเสริม ได้แก่ การอบรมและสนับสนุนปัจจัยการผลิตด้านประมง, ด้านปศุสัตว์,การฝึกอาชีพในภาคเกษตร,การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่ว, การฝึกอาชีพนอกภาคเกษตร และการสนับสนุนให้ปลูกพืชที่ใช้ปุ๋ยสดเพื่อเป็นรายได้ทดแทนหรืออาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรด้วยความสมัครใจนะครับ
ขอให้พี่น้องเกษตรกรติดต่อหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขอรับบริการและการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราต้องการให้มีความยั่งยืน สำหรับปัญหาเกษตรกรชาวนา ผมต้องขอขอบคุณ ทั้งสื่อ ทั้งสมาคมชาวนาต่างๆได้ร่วมกัน ได้พูดคุย นำเสนอบทความที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
แนวทางในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล หนึ่งในนั้นคือ“โครงการผูกปิ่นโตข้าว” ที่ได้จากแรงบันดาลใจจากกิจกรรมของโรงเรียนแห่งเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ต้องการให้เด็กๆ ได้มีที่นาเพื่อเรียนรู้ถึงการปลูกข้าวและวิถีชีวิตของชาวนาไทย ผลผลิตที่ได้ ทางโรงเรียนก็รับซื้อ จากชาวนาที่รับจ้างปลูกและดูแลนาข้าวมาทั้งหมดโดยนำมาขายที่สหกรณ์ของโรงเรียน
โครงการ “ผูกปิ่นโตข้าว” จะจับคู่ระหว่างครอบครัวคนในเมืองกับครอบครัวชาวนา ที่ปลูกข้าวอินทรีย์หรือข้าวปลอดสารโดยตรง โดยมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้มีคนปลูกและกินข้าวอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ชาวนาไทย และคนกินข้าวไทยมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นในอนาคต สำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้มากมาย ได้แก่ เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชาวนา ด้วยการเชื่อมโยงลูกค้ากับผู้ผลิตโดยตรง เป็นการลดต้นทุนโดยการใช้สารธรรมชาติ ในการกำจัดศัตรูพืชและการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทำให้สามารถตัดวงจร “ขายข้าวได้เงินแล้วต้องเอา มาใช้หนี้ในการ ซื้อปุ๋ย–ซื้อยาที่มีราคาแพง” และเป็นอันตรายถ้าเป็นไปได้ ก็จะถือว่าเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวนาและผู้บริโภคให้ดีขึ้น รวมทั้งมีสุขภาพ แข็งแรงขึ้นขึ้น ปลอดภัย ห่างไกลสารเคมี เป็นการลดช่องว่างระหว่างคนเมืองและคนชนบท เราต้องสร้างความเชื่อมโยงกันให้ได้ นะครับ เรียกว่าห่วงโซ่ทางอาหารนี่แหละเพราะฉนั้นทางโครงการฯ สนับสนุนให้ชาวนากับผู้บริโภคพูดคุยและแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกัน
อยากให้ขยายๆ ออกไปเรื่อยๆนะครับ สร้างความภาคภูมิใจในอาชีพการเกษตรให้เยาวชนเด็กรุ่นใหม่ได้เข้าใจว่าประเทศเราให้ความสำคัญกับชาวนา ชาวไร่อย่างไรนะครับ สร้างความเข้าใจในความเป็นไทย การที่มีคนไปหา แสดงความชื่นชมในความเสียสละและสิ่งที่เขาทำ ขอเรียนรู้ในสิ่งที่เขารู้เป็นการสร้างความภูมิใจให้กับชาวนาชาวไร่ก็ฝากโครงการนี้ไว้ด้วย อาจจะมีโครงการอื่นๆ อีก ผลิตผลการเกษตรอื่นๆ อีกด้วย รวมความไปถึงเรื่องการท่องเที่ยว ก็ให้คนมาเที่ยวเยอะๆ มาดูกิจการเหล่านี้ ขอให้ช่วยกันไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ จะทำเป็นแบบบุคคล แบบทีม หรือแบบธุรกิจก็ได้
ก็อยากให้สื่อต่างๆ ช่วยกันสนับสนุน ประชาสัมพันธ์โครงการ ลักษณะเช่นนี้ ต่อไปให้ประชาชนรับทราบและมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนคนไทยวิถีชีวิตไทย และพัฒนาประเทศไทยไปในหนทางที่ยั่งยืน ในเรื่องของปุ๋ยเช่นเดียวกัน ปุ๋ยที่ทำจากอินทรีย์ วัสดุเหลือใช้ต่างๆ นั้นจำเป็นอยากให้สหกรณ์การเกษตร อบต อบจ องการบริหารส่วนท้องถิ่นนั้นช่วยกันผลิตออกมานะครับ ทำเอง ใช้เอง ขายหรือแลกเปลี่ยนกัน ทำธนาคารอะไรก็แล้วแต่ ทั้งนี้เพ่อให้เกิดการผลิตเองใช้เอง ไม่ต้องไปซื้อ เพราะไม่เป็นอันตรายต่อสังคมสิ่งแวดล้อมด้วย
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ วันที่ 17 ต.ค. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.