เบนซินเทจุดไฟ ย่างสด-ปางตาย คาศูนย์ร้องทุกข์ ถูกรีดร้อยละ4-5 แจ้งรัฐช่วยไม่ได้
ระทึก “ป้าสังเวียน” ชาวนาสาวใหญ่เมืองลพบุรี ใจเด็ด โวยลั่น “ช่วยฉันไม่ได้ใช่ไหม” ก่อนใช้น้ำมันเบนซินราดแล้วจุดไฟเผาตัวเองบาดเจ็บสาหัส ภายในศูนย์บริการประชาชน
โรงอาหาร ก.พ.ที่อยู่ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ประชดการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้เงินกู้นอกระบบให้ไม่ได้ แฉถูกนายทุนรีดดอกเบี้ยโหดร้อยละ 4-5 บาทต่อเดือน ทำให้ยอดหนี้จาก 4 แสนบาท พุ่งไปถึง 1.5 ล้านบาท จนหมดปัญญาหาเงินมาจ่าย ขณะที่นายกฯประยุทธ์ และบิ๊ก คสช.เต้นผาง สั่งดูแลเยียวยาเต็มที่ ด้านสื่อนอกตีข่าวฉาวทั่วโลก ระบุสะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยในภาวะตกต่ำ
เหตุการณ์ ระทึกครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 08.45น.วันที่ 15 ต.ค. ภายในบริเวณโซนร้านอาหาร ชั้นล่าง ศูนย์บริการประชาชน (ชั่วคราว) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก แขวงและเขตดุสิต ขณะที่ประชาชนผู้มาติดต่อราชการบางส่วนกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่นั้น ได้มีหญิงสูงวัย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้ม นุ่งผ้าถุงลายดอกสีเขียว เดินออกมาจากห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน แล้วใช้ขวดบรรจุน้ำมันเบนซินราดตัวจนชุ่ม ก่อนใช้ไฟแช็กจุดไฟเผาตัวเอง เปลวไฟแดงฉานลุกพรึ่บขึ้นทันทีท่ามกลางความตกตะลึงของผู้อยู่ในเหตุการณ์ หลังตั้งสติได้โชเฟอร์รถแท็กซี่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ โดยใช้น้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกขนาดใหญ่ราดตัวผู้ถูกไฟไหม้จนไฟดับลง ก่อนใช้เสื้อคลุมมาคลุมร่างเหยื่อเพลิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกไฟไหม้ศีรษะ ใบหน้า และลำตัวช่วงบน จากนั้นรีบประสานรถกู้ชีพ รพ.วชิรพยาบาล มารับตัวไป
ต่อ มาทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี อาชีพเกษตรกรและให้เช่าที่นา ซึ่งเดินทางมาที่ศูนย์บริการประชาชน เข้าสอบถามความคืบหน้ากรณีร้องเรียนขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แก้ไขปัญหาหนี้สินจากการทำการเกษตร ที่ได้ยื่นไว้เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา และเคยติดตามเรื่องไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย. แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงมาติดตามสอบถามความคืบหน้าอีกครั้ง ในวันนี้ โดยนางสังเวียนอ้างว่า ถูกโกงจากการไปกู้เงินนายทุนใน อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี นำโฉนดที่ดินไปค้ำประกัน เป็นหนี้จำนวน 1.5 ล้านบาท จึงได้มาร้องเรียนขอให้ คสช. ช่วยเหลือ โดยนางสังเวียนเข้าพบนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าศูนย์บริการประชาชน ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนของนางสังเวียนไว้
ระหว่างที่นายสุขสวัสดิ์โทรศัพท์ประสานไปยังปลัด อ.โคกสำโรง เพื่อสอบถามถึงข้อมูลข้อเท็จจริง ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อจู่ๆนางสังเวียนได้พูดขึ้นด้วยเสียงดังว่า “ช่วยฉันไม่ได้หรือ ช่วยฉันไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ ช่วยฉันไม่ได้ใช่ไหม” แต่ยังไม่ทันที่นายสุขสวัสดิ์จะพูดตอบโต้อะไร ทันใด นั้นนางสังเวียนได้เดินออกจากห้องรับเรื่องราวร้อง ทุกข์ หยิบขวดบรรจุน้ำมันเบนซินออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วราดตัวเองจนชุ่ม ก่อนใช้ไฟแช็กจุดไฟเผาตัวทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าว เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน และประชาชนที่มาติดต่อราชการจำนวนมาก
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลวชิระ สามเสน จัดส่งรถฉุกเฉินมารับตัวนางสังเวียนไปรักษา พร้อมประสาน ร.ต.ท.กิ่งเพชร เสธติยะ พนังงานสอบสวบ สน.ดุสิต มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและสัมภาระ ของผู้บาดเจ็บ ปรากฏว่าพบสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ภาพถ่ายครอบครัว แว่นตา ไฟแช็ก มีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต พร้อมซองหนัง และเอกสารบันทึกการประนีประนอม ยอมความ ออกโดยที่ทำการ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ลงวันที่ 8 ก.ค.57 เรื่องประนีประนอมข้อพิพาท หนี้สินสุทธิ 1.5 ล้านบาท จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าศูนย์บริการประชาชน เปิดเผยว่า เห็นนางสังเวียนมานั่งรอที่ศูนย์บริการประชาชนตั้งแต่เวลา 07.30 น.แล้ว เมื่อสำนักงานเปิดทำการ ได้เข้าไปพูดคุยกับนางสังเวียนด้วยตนเอง และนางสังเวียนเล่าถึงเรื่องเดิมที่เคยมายื่นร้องเรียนไว้ บอกว่าเป็นลูกน้องของนายทุนปล่อยเงินกู้และเช่าที่นาคนหนึ่งใน อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ได้ประโยชน์ตอบแทนจากการเช่าที่นาไร่ละ 1 พันบาท แต่ปัญหาคือเก็บดอกเบี้ยส่งให้นายทุนไม่ได้เลยถูกข่มขู่ว่าจะ ให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัว ทำให้ต้องกู้เงินมาใช้หนี้ จนเป็นหนี้ 3 ล้านบาท แต่ทำสัญญาประนอมหนี้ จากตัวเลขที่กู้เบื้องต้น 4 แสนบาท มีการระบุในสัญญาประนอมหนี้ว่าจนถึงขณะนี้เป็นหนี้จำนวน 1.5 ล้านบาทแล้ว
นายสุขสวัสดิ์กล่าวต่อว่า นางสังเวียนยังอ้างว่าตัวเองอ่านหนังสือไม่ออก แต่ที่เซ็นชื่อไปโดยมีญาติเป็นพยานเพราะต้องการประนอมหนี้ ไม่คิดว่าที่ลงชื่อไปจะตกเป็นหนี้ ระหว่างที่พูดคุยนางสังเวียน ได้กล่าวพาดพิงถึงปลัด อ.โคกสำโรง จึงโทรศัพท์ติดต่อไปที่ อ.โคกสำโรง เพื่อสอบถามเพราะศูนย์ บริการประชาชนส่งเรื่องไป จ.ลพบุรี และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) รวมถึงศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขหนี้สินภาคประชาชนแล้ว ซึ่งปลัด อ.โคกสำโรง แจ้งว่าได้มีการประชุมเพื่อให้ความช่วยเหลือนางสังเวียนไปแล้ว แต่ผลยังไม่ชัดเจน และขณะที่ตนกำลังโทรศัพท์พูดคุยอยู่นั้น จู่ๆนางสังเวียนก็เดินออกไปนอกห้องแล้วก่อเหตุจุดไฟ เผาตัวเอง ภายหลังเกิดเหตุ น.ส.อรนุช ศรีนนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ได้มาสอบถามข้อมูลในที่เกิดเหตุ พร้อมทำรายงานส่งถึง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทันที
ต่อ มาเวลา 12.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 18 อาคารเพชรรัตน์ โรงพยาบาลวชิระ นพ.พลเลิศ พันธุ์ธนากุล รองคณบดีฝ่ายบริหารวชิรพยาบาล แถลงอาการนางสังเวียน ที่ก่อเหตุจุดไฟเผาตัวว่า รับผู้ป่วยมาเมื่อเวลา 09.20 น. มีอาการไฟไหม้ตามร่างกาย ตรวจสอบพบมีแผลไฟไหม้ ร้อยละ 50 ของร่างกายช่วงบน ตั้งแต่ศีรษะ ใบหน้า ทรวงอก บริเวณหลอดลม สายเสียงมีแผลไฟไหม้หนัก ทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก ยังไม่สามารถพูดได้ จึงต่อท่อช่วยหายใจ ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี สติครบถ้วน พยักหน้าได้ อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ย้ายไปรักษาตัวที่ห้องไอซียู ที่ต้องดูเป็นพิเศษคือภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากผู้ป่วยถูกไฟเผามีบาดแผลพุพอง อาจเกิดภาวะช็อกจากการขาดน้ำถึงขั้นเสียชีวิต แพทย์ให้สารทดแทนน้ำ ส่วนการประเมินบาดแผลภายนอก ต้องให้อาการบวมลดลงก่อนถึงจะตรวจสอบว่าบาดแผลมีความลึกถึงผิวหนังชั้นใด นอกจากนี้ ยังประสานสามีผู้บาดเจ็บ แต่ผู้บาดเจ็บยังพูดคุยไม่ได้ และจะต้องรักษาตัวหลายสัปดาห์
เวลา 12.30 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี และรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าเยี่ยมอาการนางสังเวียน ก่อนเปิดเผยว่า ในชั้นนี้ได้ประสานไปทาง จ.ลพบุรี ทราบว่า นางสังเวียน มาพบหน่วยงานราชการหลายครั้ง นายอำเภอโคกสำโรงยังไม่อยากเชื่อว่านางสังเวียนจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะก่อนหน้านี้จังหวัดจัดประชุมหาทางช่วยเหลือในการประนอมหนี้ของนางสังเวียน และตกลงประนอมหนี้ จนเหลือเงินที่ต้องชำระ 1 ล้านบาทเศษ ทั้งที่ก่อนหน้าต้องชำระมากกว่านี้ ในครั้งนั้นหลังจบการประชุม นางสังเวียนพอใจกับการประนอมหนี้ แต่คาดว่าต่อมาอาจจะชำระไม่ไหวจึงมาก่อเหตุในครั้งนี้ โดยทราบว่าขณะก่อเหตุ มีประชาชน คนขับรถแท็กซี่ได้ช่วยกันดับไฟ ก่อนจะนำตัวนางสังเวียนส่งโรงพยาบาล ส่วนอาการล่าสุดยังบอกไม่ได้ว่าปลอดภัยหรือไม่ แต่แพทย์รับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ในส่วนของภาครัฐจะช่วยเหลือเต็มที่ และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป ขณะนี้มีการปล่อยกู้จำนวนมากที่ไม่มีการทำสัญญากู้ยืม ทำให้เกิดปัญหาในภายหลัง จึงต้องเร่งจัดการปัญหา
ขณะที่ พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณพักตร์ รรท.ผบก.น.1 เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมนางสังเวียนว่า เบื้องต้นหลังเกิดเหตุได้ติดต่อน้องสาวของนางสังเวียน ที่ จ.ลพบุรี โดยน้องสาวนางสังเวียนจะเดินทางมาเยี่ยมในวันนี้ สำหรับการสอบสวนพยานเบื้องต้น นางสังเวียนตั้งใจทำร้ายตัวเองด้วยการใช้น้ำมันราดและจุดไฟเผา ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายทรัพย์สินของทางราชการ จึงไม่มีการแจ้งข้อหา ส่วนมีดที่พบในกระเป๋าไม่ได้ให้ความสำคัญ เป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของ นางสังเวียนมากกว่า ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุดังกล่าว นางสังเวียน เคยกู้หนี้นอกระบบโดยไม่ทำสัญญา และนำที่ดินไปค้ำประกันไว้ ต่อมานางสังเวียนไปร้องศูนย์ดำรงค์ธรรม จนมีการไกล่เกลี่ยหนี้และทำสัญญาขึ้น แต่นางสังเวียนไม่ได้ชำระหนี้ตามกำหนด ทำให้ฝ่ายเจ้าหนี้ส่งทนายมาติดตามทวงหนี้ กระทั่งเกิดความไม่สบายใจ ก่อนจะเดินทางมายังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เพื่อยื่นหนังสือและก่อเหตุสลดใจขึ้น
รรท.ผบก.น.1 กล่าวต่อว่า บริเวณโดยรอบของทำเนียบรัฐบาล มีตำรวจสันติบาลดูแลอยู่ แต่ด้านนอกรั้วของทำเนียบ จะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นผู้ดูแล จึงไม่ได้ตรวจสอบสิ่งของที่นางสังเวียนใส่ไว้ในกระเป๋าถือมาด้วย หลังจากนี้จะเพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในการตรวจค้นอาวุธให้เข้มงวดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเผาตัวที่ศูนย์บริการ ประชาชน สำนักงาน ก.พ. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ได้มีทหารจากกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ป.1 รอ.) ในฐานะรับผิดชอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล นำแผงเหล็กมากั้นจุดรับเรื่องราวร้องเรียนโดยรอบ ซึ่งใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของ โรงอาหารหลังอาคาร ก.พ.เป็นศูนย์บริการประชาชน (ชั่วคราว) เนื่องจากศูนย์บริการประชาชน ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล อยู่ระหว่างปรับปรุงซ่อมแซม โดยเปิดให้เข้าออกเพียงทางเดียว พร้อมตั้งโต๊ะตรวจค้นกระเป๋า สิ่งของที่นำติดตัวมา และให้ตำรวจทำเนียบฯ จดชื่อผู้ที่มาร้องเรียนทุกคน พร้อมเพิ่มกำลังทหารและตำรวจทั้งชายและหญิงอย่างละ 12 นาย รวมทั้งตำรวจสันติบาล และตำรวจ บก.น.1
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามนายธนากร ยอดสลุง ปลัดอาวุโสอำเภอโคกสำโรง จ.ลพบุรี ถึงเหตุจูงใจของการจุดไฟเผาตัวของ นางสังเวียน โดยนายธนากรเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.57 นางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ ได้เข้าร้องทุกข์ที่ จ.ลพบุรี กรณีเป็นหนี้นายทุนเงินกู้ คือ นางธิดารัตน์ เทพอารักษ์ บ้านอยู่ตลาดโคกสำโรง โดยนางสังเวียนอ้างว่า กู้เงินจากนางธิดารัตน์ ไปลงทุนทำนาที่เช่าจากนางธิดารัตน์ เนื้อที่นากว่า 100 ไร่ และกู้เงินกันหลายครั้ง ครั้งละ 40,000-50,000 บาท เสียดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาท และ 5 บาทต่อเดือน การกู้ยืมแต่ละครั้งไม่มีการทำสัญญาแต่อย่างใด เริ่มกู้ยืมตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ต่อมานางธิดารัตน์ นายทุนเงินกู้ได้บอกเลิกการเช่านาไม่ให้ทำต่อ พร้อมเรียกเงินที่กู้ยืมไปให้เอามาคืน นางสังเวียนขอผัดผ่อนบอกว่าเพิ่งลงทุนไปในนาเป็นเงิน 200,000 บาทเศษ ผลผลิตยังไม่ได้ ขอให้รอไปก่อน แต่นางธิดารัตน์ไม่ยอม พร้อมทั้งขับไล่ไม่ให้ทำนาต่ออีก ทั้งยังจะยึดบ้านที่อยู่อาศัยและผลผลิตอีกด้วย
นายธนากรกล่าวต่อว่า หลังได้รับหนังสือจากทางจังหวัด จึงเรียกนางสังเวียนและนางธิดารัตน์ มาสอบถามเพื่อหาข้อยุติเมื่อวันที่ 8 ก.ค.57 โดยมีข้อตกลงในวันนั้นอยู่ 6 ข้อคือ 1.มูลหนี้มียอดอยู่ที่ 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาท) 2.ให้ลูกหนี้ชำระหนี้แต่เงินต้นโดยไม่คิดดอกเบี้ยอีก 3.เมื่อลูกหนี้ขายข้าวได้ให้ชำระหนี้ 50 เปอร์เซ็นต์ของยอดที่ขายข้าวได้ 4.เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้ทำสัญญาเงินกู้ แต่ลูกหนี้ไม่ยอมทำ 5.หากปีใดเกิดเหตุภัยพิบัติหรือเกิดภัยแล้งทำให้ไม่สามารถทำนาได้ ลูกหนี้ไม่ต้องชำระหนี้ 6.เจ้าหนี้ได้คืนโฉนดที่ดินจำนวน 2 ใบ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดชื่อนาย ธงชัย รักษาเพ็ชร์ สามีนางสังเวียน และโฉนดชื่อ นายสาคร รักษาเพ็ชร์ คืนให้กับนางสังเวียนไป และได้ทำบันทึกข้อตกลงส่งให้ ผวจ.ทราบแล้ว แต่ไม่ทราบเหตุผลใดนางสังเวียน จึงไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล และก่อเหตุเผาตัวเอง
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนาย ธงชัย รักษาเพ็ชร์ อายุ 60 ปี สามีนางสังเวียน ที่บ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี นายธงชัย อ้างว่า เป็นหนี้นางธิดารัตน์จริง แต่เป็นหนี้ที่เกิดจากลูกค้ารายอื่นด้วย เนื่องจากนางสังเวียนเคยเป็นคนปล่อยและเก็บเงินกู้ให้กับนางธิดารัตน์ แต่ระยะหลังเก็บเงินกู้จากลูกหนี้รายอื่นๆไม่ได้ นางธิดารัตน์จึงเหมารวมให้เงินกู้ทั้งหมดเป็นของนางสังเวียนคนเดียว ที่ผ่านมาพยายามส่งดอกเบี้ยโดย ตลอด แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีรายได้ จึงขาดส่งดอกไป จนนางธิดารัตน์มาทวงเงิน มีการด่าทอและเอาตำรวจมาข่มขู่ และหลังจากที่ไปตกลงกันที่ อ.โคกสำโรง เมื่อวันที่ 8 ก.ค.57 ต่อมาวันที่ 4 ส.ค.57 นางธิดารัตน์ได้ให้ทนายส่งหนังสือบอกเลิกข้อตกลง และให้นำเงินไปชำระหนี้ ทำให้นางสังเวียนเครียดมาก ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้ามืดราวตี 4 นางสังเวียนบอกว่าจะไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล โดยให้ตนขี่รถ จยย.ไปส่งหน้าปากซอยบ้าน และขึ้นรถตู้โดยสารจาก อ.โคกสำโรง ไปกรุงเทพฯ กระทั่งไปก่อเหตุเผาตัวเองดังกล่าว
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รอขึ้นเครื่องที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปสาธารณรัฐอิตาลี ร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ทีมงานนายกรัฐมนตรีได้นำภาพข่าวและรายงานเหตุการณ์ หญิงเผาตัวเองที่ศูนย์บริการประชาชน ให้นายกรัฐมนตรี ทราบ โดย พล.อ.ประยุทธ์แสดงความเป็นห่วงมาก สอบถามผู้เกี่ยวข้องพร้อมกำชับให้ช่วยเหลือเต็มที่ และเข้าไปแก้ปัญหาที่มีการร้องเรียนโดยด่วน พร้อมกันนี้ ได้สั่งให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ทั้งเรื่องร้องเรียนจะมีการรายงานส่งนายกฯทุกวัน
พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กรณีนาง สังเวียน รักษาเพ็ชร์ จุดไฟเผาตัวเองนั้น กรณีดังกล่าวตนได้มอบหมายให้นางเสาวนีย์ โขมพัตร รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC 1300 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบและเยียวยาผู้บาดเจ็บ โดยกระทรวงได้มอบเงินสงเคราะห์ฉุกเฉินเบื้องต้น และประสานทางครอบครัวผู้บาดเจ็บให้ทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมให้เจ้าหน้าที่ดูแลสภาพจิตใจของผู้บาดเจ็บและครอบครัวต่อไป
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เผาตัวเองของนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ ชาว จ.ลพบุรี ที่มาร้องเรียนเรื่องปัญหาหนี้นอกระบบที่ทำเนียบรัฐบาล เรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าสังคมน่าจะมีทางออกมากกว่านี้ และควรเป็นตัวอย่างให้สังคมต้องเรียนรู้ว่าในส่วนเจ้าหนี้เงินนอกระบบ ควรผ่อนปรนและประนีประนอม ขณะที่ประชาชนควรยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ยอมรับว่าปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นอีกเรื่องที่มีประชาชนมาร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทยจำนวน มาก ตนจะเร่งหาแนวทางจัดระเบียบปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยเจรจาหาทางออกร่วมกันให้ดีที่สุด ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เรื่องต่างๆ รวมถึงปัญหาหนี้นอกระบบ ร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมตั้งแต่ส่วนอำเภอและรถเคลื่อนที่เร็ว ที่จะเข้าไปหา มั่นใจว่าความเดือดร้อนของประชาชนทุกเรื่องแก้ไขได้ ภายใต้หลักตรงไปตรงมาถูกต้อง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.2 รอ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณี ที่มีผู้มาร้องเรียนกับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ว่าตนได้รับรายงานแล้ว รู้สึกเป็นห่วง และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หวังว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะปลอดภัย ส่วนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ขณะนี้มีศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องตามต่างจังหวัดอยู่แล้ว เพราะประชาชนมีความเดือดร้อนจำนวนมาก ต้องใช้เวลาค่อยๆแก้ไข แต่ที่ผ่านมารับทราบจากผู้ว่าราชการในบางจังหวัดว่าการแก้ไขเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือของกระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาแก้ปัญหาได้เกินกว่าครึ่ง แต่ยังมีติดขัดบ้างเพราะติดข้อกฎหมาย ต้องใช้เวลาขอให้ ทุกคนเข้าใจ เพราะส่วนราชการตระหนักถึงปัญหาของทุกคน และจะพยายามสร้างความเข้าใจต่อไป
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนางสังเวียน รักษาเพ็ชร ที่มาร้องทุกข์ที่ทำเนียบฯเรื่องหนี้นอกระบบและจุดไฟเผาตัวเองว่า เวลานี้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้องเร่งแก้ไข และต้องยอมรับว่าในอดีตเมื่อชาวบ้านมีความทุกข์หรือเดือดร้อน จะระบายผ่านตัวแทนทั้ง ส.ส., ส.ว. หรือนักการเมืองท้องถิ่น แม้จะช่วยไม่ได้ในบางเรื่อง แต่การรับฟังการระบายก็ทำให้สบาย ใจขึ้น แต่เวลานี้ไม่มีตัวแทน ดังนั้น คสช. หรือรัฐบาลต้องมีนโยบายคือ 1.รับฟังให้มากขึ้น 2.ฟังคนที่ควรฟัง เพราะชาวบ้านเมื่อร้องเรียนต่อข้าราชการ เขาจะรู้ว่าตั้งใจแก้ไขปัญหาให้หรือไม่ เชื่อว่านางสังเวียนคงไม่ได้มาเป็นครั้งแรกแน่ และขอให้ระวังเพราะเมื่อมีรายแรกก็จะมีรายที่ 2 และ 3 ตามมา ขอให้เน้นดูแลเรื่องหนี้สินนอกระบบที่กลับมาเป็นปัญหาใหญ่ของคนรากหญ้าอีกครั้ง เนื่องจากชาวบ้านเข้าไม่ถึงสถาบันการเงิน หรืออาจมีหนี้สินเดิม จึงต้องหวังพึ่งนายทุนปล่อยเงินกู้ในยามประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ ชาวไทยวัย 52 ปี จากจังหวัดลพบุรี ทางภาคกลาง ก่อเหตุจุดไฟเผาตัวเองในศูนย์ร้องทุกข์ของรัฐ ตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่ตกตะลึงและต้องช่วยกันดับไฟพัลวัน นางสังเวียนได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจากแผลไฟไหม้และถูกนำส่งโรงพยาบาล ส่วนตำรวจเผยว่า นางสังเวียนจุดไฟเผาตัวเองเพราะความเครียด หลังจากไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้มูลค่า 46,000 ดอลลาร์ หรือ 1.5 ล้านบาทได้ตามกำหนด เอเอฟพียังรายงานโดยอ้างข้อมูลของบริษัทวิจัย “แคปปิตอล อีโคโนมิคส์” ว่า คดีเผาตัวตายครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนในไทยพุ่งสูง เป็นประวัติการณ์ถึง 83 เปอร์เซ็นต์ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ “จีดีพี” ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เทียบกับ 79 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านนายคริสตัล ตัน นักเศรษฐศาสตร์ของแคปปิตอล อีโคโนมิคส์ กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของหนี้ภาคครัวเรือนของไทยในรอบ 10 ปีหลัง เป็นการเพิ่มที่รวดเร็วที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ และส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานช่วงเย็นวันเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารชั้นสัญญาบัตร และชั้นประทวน 2 นาย เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ไปพูดคุยและบันทึกหลักฐานปากคำนายธงชัย รักษาเพ็ชร์ สามีนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ ซึ่งนายธงชัยอยู่ในอาการซึมเศร้า ทหารได้นำภาพที่ภรรยาเผาตัวให้นายธงชัยดู เมื่อเห็นสภาพภรรยานายธงชัยมีสีหน้าสลดและอุทานออกว่า “โถ สงสารจัง” ผู้สื่อข่าวสอบถามนายธงชัยว่า ทราบหรือเปล่าว่านางสังเวียนเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล นายธงชัยบอกว่า ภรรยาบอกว่าจะไปทวงถามเรื่องที่ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลพบุรี และ คสช.ว่านายทุนเงินกู้มาข่มขู่ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปทำร้ายตัวเองถึงขนาดนี้ คิดว่าภรรยาคงจะทนความคับแค้นใจไม่ได้ ตนก็เห็นใจภรรยาเพราะโดนนายทุนพาพวกมาข่มขู่ทุกวัน
นาย ธงชัย รักษาเพ็ชร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและภรรยามีอาชีพทำนา มีลูกอีก 2 คน เช่าที่นาของนายทุนทำกินราว 100 ไร่เศษ ภรรยามีความสนิทสนมกับ 2 ผัวเมียนายทุน จึงกู้เงินเอามาต่อเติมบ้าน ประมาณ 4 แสนบาท ซึ่งตอนนั้นบ้านถูกน้ำท่วมแล้วก็ส่งดอกเบี้ยมาเรื่อยๆ เพราะเขาปล่อยเงินกู้ทั่วไป จากนั้นภรรยาได้พาเพื่อนบ้านที่เป็นชาวนาหลายรายไปกู้เงินกับนายทุน 2 ผัวเมีย แต่ไม่มีอะไรไปค้ำประกัน เพราะชาวนาหลายรายไม่รู้จักทั้งสองคนนี้ และนายทุนมอบหน้าที่ให้ภรรยาเก็บดอกเบี้ยส่งให้นายทุนทุกเดือน กระทั่งได้เงินจากค่าจำนำข้าว จึงนำไปใช้หนี้นายทุนแล้ว แต่หนี้ก็ไม่หมดสักที
ต่อ มาเมื่อมี คสช.ภรรยาจึงไม่กล้าไปเก็บ เพราะกลัว คสช.จะหาว่าเป็นนายทุนเงินกู้ ทำให้ 2 ผัวเมียเจ้าของเงินมาทวงถาม และบีบให้ไปทวงเงิน ภรรยาก็ไม่กล้าไป กระทั่งนายทุนโทร.มาข่มขู่และด่าทอต่างๆนาๆด้วยคำหยาบคาย บางครั้งขู่ว่าจะอุ้มบ้าง แต่ภรรยาก็ไปร้องเรียนต่อนายอำเภอโคกสำโรงเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.57 ไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่อำเภอไม่ยอมดำเนินการใดๆ
“เงิน ที่กู้นายทุนมา 4 แสนบาท ตนใช้หนี้ไปหมดแล้ว โดยขายรถยนต์การเกษตรไป 3.5 แสนบาท ใช้หนี้เขาไป แต่นายทุนก็บอกต้นไม่ยุบเลย ยังทวงยอดเท่าเดิม เพราะภรรยาไม่ได้ทำสัญญาการใช้หนี้กับเขา จนนายทุนพาภรรยาไปเซ็นประนอมหนี้ต่อหน้านายอำเภอโคกสำโรง และปลัดอำเภอโคกสำโรง โดยนายทุนอ้างกับภรรยาว่าขอเหมารวมเลยว่าภรรยาจะต้องใช้หนี้ เขาทั้งหมด 2.5 ล้านบาท เพราะหาว่าพาชาวนาไปกู้เงินเขา ครั้งแรกภรรยาก็ไม่ยอมรับผิดชอบ จะรับผิดชอบเพียง 4 แสนบาท แต่ปลัดอำเภอโคกสำโรง ตัดสินให้ภรรยารับผิดชอบนายทุน 1.5 ล้านบาท ภรรยากลับมาก็เครียด และบ่นเสียใจอยู่ตลอดเวลา นายทุนคนนี้โหดมาก ตนเช่าที่ทำกินของนายทุน 100 ไร่เศษ นายทุนไม่พอใจภรรยา เลยไม่ให้ตนเข้าไปทำกินในพื้นที่ ทั้งๆที่ผลิตผลการเกษตรที่ทำไว้จะเก็บเกี่ยวอยู่แล้ว เขาไม่ให้เข้าไปทำกินเลย ยึดเอาไปขายให้คนอื่นหมด แทนที่จะคืนผลผลิตมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่นายทุนโหดมาก” นายธงชัยกล่าว
ด้าน น.ส.พรรษา รักษาเพ็ชร์ อายุ 15 ปี ลูกสาวนางสังเวียน ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.4 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นห่วงแม่ และกำลังจะเดินทางไปหาแม่ที่ กทม.กับน้าสาว เมื่อ 2-3 วันก่อน แม่มีอาการเครียดมาก และเมื่อเช้ามืดวันนี้ แม่ปลุกตอนตี 2 ให้ช่วยหาเอกสาร แม่บอกว่าจะเข้ากรุงเทพฯ จากนั้นแม่ก็แต่งตัวออกจากบ้านไป มาทราบอีกทีเมื่อมีคนโทร.มาบอกเมื่อตอนประมาณ 4 โมงเช้า รู้สึกเป็นห่วงแม่มาก “หนูกับแม่เคยเดินทางไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลมาครั้งหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าจะช่วย แต่เรื่องก็เงียบไป” น.ส.พรรษากล่าว นอกจากนี้ น.ส.พรรษายังได้เปิดคลิปเสียงอ้างว่า บันทึกไว้ในวันที่นายทุนพาผู้ใหญ่บ้านและตำรวจมาทวงหนี้จากแม่ให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วย
ไทยรัฐ วันที่ 16 ต.ค. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.