เอเอฟพีรายงานเมื่อ 7 ต.ค.ว่า ชาวบ้านที่ถูกยึดที่ดินจาก “เหล่าผู้ปกครองชนชั้นสูง” ของกัมพูชา ร่วมยื่นคำร้องถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในกรุงเฮก ให้สอบสวนเรื่องนี้ในฐานะ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
โดยนายริชาร์ด โรเจอร์ ทนายของเหยื่อเผยว่า คณะผู้ปกครองชั้นสูงยึดหรือจัดสรรที่ดินใหม่อย่างผิดกฎหมายจากชาวบ้านที่ยากจนอย่างเป็นระบบ เพื่อแสวงหาประโยชน์ในหมู่ตนเองและนักลงทุนต่างชาติตามนโยบายรัฐบาล
กลุ่ม บรรเทาทุกข์ประเมินว่า ตั้งแต่ปี 2543 ชาวบ้านราว 770,000 คนหรือ 6% ของประชากรกัมพูชา ถูกไล่ที่ รวมทั้ง 20,000 คนใน 3 เดือนแรกของปีนี้ ที่ถูกยึดที่ดินอย่างน้อย 4,000,000 เฮคแตร์ หรือราว 22% ของแผ่นดินกัมพูชา ผู้ต่อต้านถูกยิง ข่มขืน ดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรม เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ชนชั้นสูงผู้ปกครองไม่กี่คนร่ำรวยขึ้นและคงอำนาจ ส่วนผู้นำภาคประชาสังคม พระสงฆ์ นักข่าว ทนาย นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผู้ประท้วง ถูกปราบปราม รวมทั้งคดีฆาตกรรมที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง 300 คดีตั้งแต่ทศวรรษ 1990
นายโรเจอร์เผยว่า ขณะที่ชาติตะวันตกตั้งเงื่อนไขเรื่องสิทธิมนุษยชนกับการช่วยเหลือกัมพูชา แต่จีนให้เงินโดยไม่ถามอะไร เหยื่อรายหนึ่งชี้ว่าการยึดที่ดินร้ายแรงยิ่งกว่ายุคพอล พต สมัยเขมรแดง แต่ไอซีซีต้องพิเคราะห์ว่ามีหลักฐานเพียงพอสอบสวนดำเนินคดีหรือไม่ อนึ่ง สิทธิในที่ดินเป็นปัญหาใหญ่ตั้งแต่เขมรแดงล้มเลิกการถือครองที่ดินโดยเอกชน ทำให้เอกสารสิทธิที่ดินสูญหาย