(2 ต.ค.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และในฐานะฝ่ายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาแล้ว ซึ่งเกรงว่าจะไม่เพียงพอที่จะฟื้นเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังมีปัญหาอย่างมาก รวมถึงผลกระทบจากสภาวะการเมือง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำการเร่งเบิกจ่ายงบอาจจะช่วยได้บ้าง แต่ไม่มากนัก
ส่วนการให้เงินสนับสนุนชาวนาตามพื้นที่ไร่ละ 1,000 บาท นั้นอาจจะน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับราคาข้าวในปัจจุบัน ที่จริงแล้วควรจะช่วยเหลือชาวนาโดยยึดโยงกับผลผลิตมากกว่าพื้นที่ โดยต้องช่วยเหลือกชาวนาให้ขายในราคาอย่างน้อย 10,000 บาทขึ้นต่อตัน อย่างนี้จะเป็นการช่วยเหลือชาวนาได้มากและตรงจุดที่สุด เพราะหากกำหนดให้ตามพื้นที่อาจเกิดปัญหาที่ชาวนามีพื้นที่แต่ไม่ได้ทำก็อาจสวมสิทธิ์มารับเงินได้
นอกจากนี้ ก็อยากเห็นการทำโซนนิ่งเพื่อลดพื้นที่ปลูกข้าว และกระจายการทำการเกษตรหลายประเภท โดยเฉพาะการปลูกพืชพลังงาน เพื่อให้เกษตรกรได้รับรายได้มากกว่าการปลูกข้าว โดยไม่อยากให้คนไทยภูมิใจว่าประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งแต่ชาวนากลับยากจนและลำบาก อยากเห็นฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่ดีขึ้นมากกว่า
“ผมไม่อยากให้รัฐบาลรังเกียจนโยบายประชานิยม อย่ามองว่าเป็นสิ่งไม่ดีเพราะสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ก็เป็นประชานิยม แต่เป็นประชานิยมแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าทำนโยบายประชานิยม จึงทำให้การช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะชาวนาทำได้ไม่เต็มที่ เขายังคงเดือดร้อนอยู่ เพราะเงินที่ใส่ลงไปไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับต้นทุนค้าใช้จ่ายในการทำนา”
นายพิชัย กล่าวว่า การช่วยเหลือประชาชนที่ยากจนและด้อยโอกาสเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ทั้งนี้ต้องไม่ทำให้ฐานะการเงินของประเทศต้องสั่นคลอน ในการที่จะช่วยชาวนามากกว่านี้ ไม่ได้ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจนมีผลกระทบต่อประเทศ ไม่ได้ทำให้วินัยการเงินการคลังเสียหาย
ขณะเดียวกันรัฐก็จะต้องส่งเสริมธุรกิจขนาดใหญ่ และ ธุรกิจเอสเอ็มอี ให้มีการเจริญเติบโตให้มากขึ้น เพื่อเป็นรายได้ของประเทศ ซึ่งจะต้องทำควบคู่กันไป หรือ Dual Track นั่นเอง
ที่มา : มติชน วันที่ 2 ต.ค. 2557