บอร์ดธ.ก.ส.นัดประชุมวาระพิเศษ 15 ต.ค.อนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา 4 หมื่นล้าน คาดมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ถึง0.2% เผยเกษตรที่ทำนาเช่ามีสิทธิ์ได้เงิน ไม่ใช่เจ้าของที่นา ให้กรมส่งเสริมการเกษตรขึ้นทะเบียนออกใบรับรองการทำนา แล้วนำมายื่นขอรับเงินได้ที่ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ ขู่จะมีเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจกันการให้ข้อมูลเท็จ-การสวมสิทธิ์
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ(บอร์ด) ธ.ก.ส.ที่มีนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน จะประชุมวาระพิเศษในวันที่ 15 ต.ค.นี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1 พันบาท รวมเป็นเงิน 4 หมื่นล้านบาทตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เงินในส่วนนี้จะมาจากเงินสภาพส่วนเกินจากเกณฑ์ซึ่งมีอยู่ 1.6 แสนล้านบาท เมื่อหักส่วนที่ต้องสำรองเผื่อผู้ ฝากเงิน 1.1 แสนล้านบาท จึงเหลือส่วนเกินอยู่ 5 หมื่นล้านบาท โดยเงินที่จ่ายให้ชาวนา 4 หมื่นล้านบาทนี้ ตามมติครม.ให้ใช้งบประมาณปีงบ2559 ระหว่างนี้ให้ธ.ก.ส.สำรองไปก่อน
พร้อมกับให้สำนักงบประมาณตั้งงบชดเชยในส่วนต้นทุนการเงินให้เท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ประจำ หรือ เอฟดีอาร์ (FDR) เฉลี่ยของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ บวก 1% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.4% อัตราชดเชยจึงน่าจะอยู่ประมาณ 2.4%
“ ชาวนาที่จะได้รับเงิน 1 พันบาทต่อไร่นี้ จะต้องเป็นผู้ที่เพาะปลูกข้าวจริงๆ เกษตรกรที่เช่าที่นาทำกิน จึงมีสิทธิ์ได้เงินส่วนนี้ ไม่ใช่เจ้าของนาที่ให้คนอื่นเช่า ตามมติครม.ยังกำหนดให้จ่ายเงินต่อรายไม่เกิน 15 ไร่ เพื่อให้เม็ดเงินไปถึงมือชาวนาที่ยากจนจริง”
สำหรับขั้นตอนการจ่ายเงินให้กับชาวนานั้น ธ.ก.ส.จะนัดหารือร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพูดคุยในรายละเอียด เบื้องต้นกรมส่งเสริมการเกษตรจะเป็นหน่วยงานหลักในการขึ้นทะเบียนชาวนา ซึ่งปัจจุบันได้มีการขึ้นทะเบียนชาวนาปีการผลิต57/58 ไว้แล้ว88 % เพื่อให้ความช่วยเหลือเรื่องส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 3% ก็จะใช้ฐานข้อมูลนี้ต่อได้เลย
ชาวนาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จะได้รับใบรับรองการปลูกข้าวนาปี 57/58 จากกรมส่งเสริมการเกษตร ก็ให้ชาวนานำใบรับรองนั้น พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมุดบัญชีเงินฝากของธ.ก.ส. มายื่นขอใช้สิทธิ์รับเงินช่วยเหลือ 1 พันบาทต่อไร่ ได้ที่สาขาของธ.ก.ส.ทั่วประเทศ ซึ่งเจ้าตัวต้องมายื่นด้วยตัวเองเท่านั้น หลังจากนั้นธ.ก.ส.จะตรวจสอบข้อมูล และโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากภายใน 3 วัน
ปัจจุบันมีชาวนาที่ได้รับใบรับรองจากกรมส่งเสริมการเกษตรแล้วประมาณ 4 แสนราย ก็สามารถทำเรื่องไว้ได้เลย แต่จะเริ่มดำเนินการจ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะจ่ายเงินได้ครบทั้งหมดภายใน 1 เดือน ถึง 1เดือนครึ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยเหลือเกษตรได้ทั้งหมดประมาณ 2.8-2.9 ล้านครัวเรือน
เขากล่าวต่อว่า ในการขึ้นทะเบียนชาวนาของกรมส่งเสริมการเกษตรนั้น มีขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างรัดกุมจากทางคณะกรรมการหมูบ้าน และประชาคมที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้หลังจากการจ่ายเงินไปแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ของเกษตรอำเภอ กรมส่งเสริมการเกษตรไปสุ่มตรวจ 50% ของชาวนาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน หากตรวจพบการให้ข้อมูลเท็จ นอกจากจะถูกเพิกถอนสิทธิแล้ว ยังจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายด้วย
“มาตรการนี้เป็นมาตรการเพิ่มเติมในการช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีแพคเกจลดต้นทุน หลายส่วน รวมเป็นต้นทุนที่ลดได้ 432 บาทต่อไร่ เมื่อรวมกับการให้เงินช่วยเหลือ 1 พันบาทต่อไร่ ก็จะช่วยลดต้นทุนได้ประมาณ 1.43 พันบาทต่อไร่ ส่วนผลต่อดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ชาวนามีเงินเหลือพอใช้จ่ายนั้น นับเป็นผลพลอยได้ โดยในครั้งที่มีการจ่ายเงินจำนำข้าว 9 หมื่นล้านบาทนั้น มีการคาดการณ์ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.2% แต่การจ่ายเงินให้ชาวนาครั้งนี้คงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ถึง 0.2%”
นายลักษณ์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ บอร์ดเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 57/58 ตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 3 โครงการคือ 1.โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ลงร้อยละ 3 ต่อปี รายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน วงเงินชดเชยดอกเบี้ย 2,292 ล้านบาท โดยรัฐบาลเป็นผู้จ่ายชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธ.ก.ส.แทนเกษตรกร คาดมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 3.57 ล้านราย