นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหัวข้อ"ภาษีที่ดินควรเป็นอัตราก้าวหน้า"ระบุเนื้อหาว่า
ร่างกฎหมายเพื่อเก็บภาษีที่ดินนั้น ได้มีแนวคิดมานานแล้ว ในช่วงก่อนหน้าที่ผมเข้าไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง คุณกรณ์ก็ได้มีการยกร่างกฎหมายไว้ภายหลังการเปลี่ยนรัฐบาล กฎหมายทั้งหมดที่ค้างอยู่ในสภา จะถูกส่งกลับคืนแต่ละกระทรวง กฎหมายฉบับนี้จึงได้ถูกส่งกลับคืนไปกระทรวงการคลังด้วย
ผมได้มีโอกาสนำร่างกฎหมายนี้ขึ้นมาทบทวนพิจารณาใหม่ จำได้ว่าส่วนใหญ่ไม่มีการแก้ไขอัตราแตกต่างไปจากร่างที่คุณกรณ์ทำไว้ แต่ยังไม่ทันจะยืนยันกฎหมายฉบับนี้ ผมก็พ้นตำแหน่งไปเสียก่อน
ภายหลังจากที่ผมพ้นตำแหน่ง ก็ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้สนับสนุนกฎหมายนี้ และไม่ได้มีการเสนอสภาอีกครั้งขณะนี้ มีข่าวว่ากระทรวงการคลังจะมีการหยิบกฎหมายนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง แต่ผมมีประเด็นที่ติดใจ
ร่างเดิมนั้น กำหนดอัตราภาษีไว้ค่อนข้างต่ำ และที่สำคัญก็คือ กำหนดไว้เป็นอัตราตายตัว flat rateแต่ภายหลังผมได้อ่านข้อเสนอ แนวทางการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งเสนอโดยคณะกรรมการปฏิรูป (คปร) ซึ่งมีคุณอานันท์ ปันยารชุนเป็นประธาน ผมเห็นว่ามีข้อเสนอที่สำคัญ ซึ่งควรจะเปลี่ยนแปลงวิธีเก็บภาษีที่ดิน
คปร เห็นว่าประเทศไทยควรจะมีมาตรการที่จะช่วยกระจายการถือครองที่ดิน และเปิดโอกาสให้เกษตรกรเป็นเจ้าของที่ดินทำกินของตนเองมากขึ้น จึงเสนอว่า (ก) ควรเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า และ (ข) ควรมีการตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อช่วยซื้อที่ดินสำหรับให้เกษตรกรใช้ทำกิน
ข้อเสนอทำนองนี้ เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย และเป็นการตอบโจทย์แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
จึงนับว่าเป็นการดี ที่ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ผ่านสภา จึงยังมีโอกาสที่จะแก้ไขปรับปรุงให้ดีที่สุด
อัตราภาษีที่ คปร ได้หยิบยกขึ้นไว้เป็นตุ๊กตานั้น มีดังนี้
-ที่ดินขนาดต่ำกว่า 10 ไร่ เป็นขนาดที่จำเป็นต่อการทำกินยังชีพ ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0.03 ต่อปี
-ที่ดินขนาด 10-50 ไร่ เป็นขนาดที่สมควรจะต้องให้เจ้าของมีส่วนภาระในการจ่่ายภาษีเพื่อใช้บริหารประเทศมากขึ้น จึงให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0.1 ต่อปี
-ที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ เป็นขนาดที่สมควรกระตุ้นใมีการทะยอยจำหน่ายออกไปบางส่วน จึงให้เสียภาษีในอัตราก้าวหน้าสูงร้อยละ 5 ต่อปี
ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของ คปร และเห็นว่าควรบังคับให้เสียภาษีแบบก้าวหน้า ไม่ว่าที่ดินนั้นจะใช้ประโยชน์อยู่แล้วหรือไม่อีกด้วย มิฉะนั้น ก็จะมีการให้เช่าที่ดินเพื่อทำเกษตรแบบชั่วคราว เพียงเพื่อลดภาระภาษี
ทั้งนี้ กรณีที่สมมุติกระทรวงการคลังเห็นสมควรเก็บภาษีเพิ่มเติม สำหรับที่ดินที่รกร้างว่างเปล่านั้น ก็ควรเก็บอีกอัตราหนึ่งนอกเหนือจากข้างต้นเป็นอีกจำนวนต่างหาก
ส่วนการช่วยเหลือให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นของตนเองนั้น คปร เสนอให้มีหน่วยงานที่ทำเรื่องนี้อย่างบูรณาการ และให้มีการจัดตั้งกองทุนธนาคารที่ดินขึ้น เพื่อจัดซื้อที่ดินในราคาไม่เกินราคาประเมิน แล้วนำมาจัดสรรให้เกษตรกร โดยวิธีผ่อนส่งระยะยาว 20 ปี คิดดอกเบี้ยอัตราต่ำร้อยละ 1 ต่อปี
ในเรื่องการช่วยเหลือซื้อที่ดินนี้ ผมอยากเพิ่มเติมว่า กรณีจัดสรรให้เกษตรกรนั้น ควรมีการชักจูงให้ใช้ระบบโฉนดชุมชน เพื่อเกษตรกรจะนำไปเป็นหลักประกันในการกู้ยืมได้ ก็ต้องใช้วิธีค้ำประกันร่วมกันเป็นกลุ่ม เพื่อป้องกันมิให้ที่ดินถูกยึดไปขายทอดตลาดอีกในอนาคต
กรณีจัดสรรเป็นโฉนดชุมชน จึงอาจจะต้องให้สิ่งจูงใจมากกว่ากรณีเกษตรกรซื้อเอง เช่น ระยะเวลาผ่อนส่งที่นานขึ้น หรือดอกเบี้ยที่ต่ำลง เป็นต้น
จึงขอนำเสนอเป็นข้อมูลแก่ผู้อ่าน เพื่อจะได้ช่วยกันคิด และทำให้การปฏิรูปภาษีมีความครบถ้วนต่อไป
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 1 ต.ค. 2557