มหาดไทยปรับปรุงกฎหมาย มอบดาบอธิบดีกรมที่ดินมีหน้าที่ยึดที่ดินรกร้างว่างเปล่า
แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาด ไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหารและฝ่ายกฎหมายกำลังเร่งยกร่างแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 เพื่อแก้ปัญหาการถือครองที่ดินและลดความเหลื่อมลํ้าในสังคม หลัง จาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งการให้กรมที่ดินพิจารณาหามาตรการเพื่อกระจายสิทธิการถือครองที่ดิน และการนำที่ดินที่ไม่ทำประโยชน์หรือที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น และให้นำกฎหมายที่ดินมาบังคับใช้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติมากขึ้น
สำหรับสาระหลักที่จะมีการแก้ไขปรับปรุง คือ มาตรา 6 ที่จะกำหนดให้อธิบดีกรมที่ดินมีหน้าที่โดยตรงในการดูแลการถือครองที่ดินมากขึ้นจากปัจจุบัน โดยกฎหมายใหม่ที่จะปรับปรุงกำหนดให้บุคคลที่ครอบครองที่ดิน หรือมีสิทธิทำกิน หรือมีเอกสารสิทธิประเภท น.ส.3 และ น.ส.3 ก. จะต้องทำประโยชน์ในที่ดินภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
หากผู้ครอบครองที่ดินปล่อยให้ที่ดินอยู่ในสภาพรกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์ภายในระยะเวลาเกิน 5-10 ปีติดต่อกัน ให้อธิบดีกรมที่ดินมีหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิดังกล่าว เพื่อบังคับให้ที่ดินดังกล่าวตกเป็นของรัฐ จากนั้นรัฐก็นำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรให้ประชาชนเช่าทำกินหรือทำประโยชน์ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า กฎหมายที่ดินมาตรา 6 ในปัจจุบันมีข้อกำหนดในเรื่องนี้ไว้ แต่ไม่มีการบังคับใช้ เนื่องจากกรมที่ดินไม่มีการสำรวจข้อมูลที่ดินที่ถูกทิ้งรกร้างว่างเปล่า ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้
“กฎหมายใหม่นี้จะกำหนดให้เป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมที่ดินที่จะต้องตรวจสอบที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หากไม่ปฏิบัติจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะช่วยกดดันให้ผู้ครอบครองที่ดินนำที่ดินมาใช้ประโยชน์มากขึ้น รัฐก็จะมีรายได้จากภาษี มากขึ้น” แหล่งข่าวชี้แจง
แหล่งข่าวจากกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะที่ดินในแต่ละท้องที่ก็มักจะเป็นของผู้สนับสนุน นายทุนใหญ่ หรือเป็นของนักการเมืองท้องถิ่นเอง ปัจจุบันมีประชาชนถือครองที่ดินทั้งสิ้น 120 ล้านไร่ มีที่ดิน 48 ล้านไร่ ที่ปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ วันที่ 22 ก.ย. 2667