กรณีกระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่า ตามร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยปรับอัตราภาษีจากเดิมไม่เกิน 2% เป็นไม่เกิน 4% โดยปีแรกเก็บภาษี 1% ปี หากภายใน 3 ปีไม่นำที่ดินไปทำประโยชน์จะปรับเพิ่มเป็น 2% และหากภายใน 6 ปียังไม่นำที่ดินไปใช้ประโยชน์อีก จะถูกเก็บภาษีทันที 4%
นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษาสมาคมอาคารชุดไทย และประธานกรรมการ บริษัท นิรันดร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่า แต่เห็นว่าเพดานอัตราภาษีสูงสุด 2% มีความเหมาะสมแล้ว หากตั้งอัตราสูงเกินไปอาจจัดเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย เพราะกลุ่มที่มีที่ดินเปล่าอาจทำกิจกรรมใช้ประโยชน์ที่ดินบังหน้า เพื่อลดอัตราการเสียภาษีได้
นายธำรงกล่าวว่า ในด้านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มองว่าเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากที่ดินที่ซื้อมาจะต้องนำมาพัฒนาโครงการในระยะเวลาอันสั้นอยู่แล้ว
นาย พรนริศ ชวยไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินเปล่าสูงสุด 4% อาจส่งผลกระทบกับทั้งผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ และบุคคลรายย่อยที่ถือครองที่ดิน เพราะในส่วนผู้ประกอบการซื้อที่ดินบางแปลงต้องรอความเจริญเข้ามาถึง ซึ่งในระยะ 3-5 ปี ที่ดินอาจจะยังไม่มีศักยภาพที่จะพัฒนาโครงการได้ เมื่อเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ประกอบการมีภาระมากขึ้น
นายพรนริศ กล่าวว่า ขณะที่บุคคลถือครองที่ดินเปล่า หากจะส่งต่อให้ลูกหลานจะถูกเก็บภาษีมรดกทอดหนึ่งก่อน หลังจากนั้นหากยังไม่มีการใช้ประโยชน์ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก
"การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับที่ดินรกร้างว่างเปล่าในอัตราที่สูงเกินไป จะบังคับให้ไม่มีการถือครองที่ดินเปล่าเลย เพราะเดิมอัตราภาษีที่สูงสุด 2% ก็ลำบากอยู่แล้ว ไม่สามารถจะถือที่ดินเพื่อไว้เป็นมรดก หรือซื้อที่ดินพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในราคาถูกได้" นายพรนริศกล่าว
ที่มา : มติชน วันที่ 23 ก.ย. 2557