′หม่อมอุ๋ย′ชูเศรษฐกิจดิจิตอล ฐานหลักพัฒนาประเทศ ลั่นเพิ่มจ้างงานใน 3 เดือน
วันที่ 15 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภาพรวมการผลักดันเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า รัฐบาลมีแผนจะผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้อยู่บนเศรษฐกิจบนฐานดิจิตอล (digital economy) ให้เป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 1 ปี ถือว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุดของการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เนื่องจากเศรษฐกิจดิจิตอลถือเป็นเศรษฐกิจฐานใหม่ เป็นพื้นฐานสำคัญทำให้เศรษฐกิจภาคอื่นๆ ทั้งอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การบริการและการเงินการธนาคารเติบโตต่อไป ซึ่งหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ก็อยู่ฐานนี้และรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ให้ความสำคัญมาก ประเทศไทยอาจจะช้ากว่าไปบ้าง แต่ถือว่ายังไม่ช้าเกินไปที่จะเริ่มต้นอย่างจริงจัง
"เศรษฐกิจบนฐานดิจิตอลไม่ใช่เรื่องของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่เป็นฐานใหม่ให้เศรษฐกิจภาคอื่นๆ เติบโต เช่น ในภาคธนาคารจะเห็นได้ว่าปัจจุบันการทำธุรกรรม การโอนเงิน เป็นระบบดิจิตอล หรืออุตสาหกรรมรถยนต์ถ้าไม่ใช้ดิจิตอลก็พัฒนาต่อยอดไม่ได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
@ วางเป้า3เดือนจ้างงานเพิ่ม
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ได้วางแผนและเป้าหมายการบริหารงานเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน ซึ่งต้องทำให้สำเร็จภายใน 3 เดือนแรก ประกอบด้วย เร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนที่ยังค้างอยู่ในปีงบประมาณ 2557 การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ให้มีประสิทธิภาพ การเร่งรัดการพิจารณาการลงทุนของเอกชนและนักลงทุนที่ยื่นขอการพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่เหมาะสม การลดอุปสรรคในการส่งออก และแสวงหาตลาดที่มีศักยภาพเพื่อขยายฐานการส่งออก และชักจูงให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน สิ่งที่จะให้ความสำคัญคือ เร่งการสร้างตำแหน่งงานให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นผลใน 3 เดือน ประเทศไทยมีคนเก่งจำนวนมากหากเทียบกับหลายประเทศ เช่น เวียดนาม แต่ปัญหาคือ คนไทยเมื่อทำอะไรสำเร็จจะถูกต่างชาติซื้อตัวไปหมด ดังนั้นต้องมีวิธีดึงคนเก่งไว้ในเมืองไทย เช่น ต้องมีมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมไทย สนับสนุนภาคบริการไทยให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะออกเป็นมาตรการอะไรบ้าง เพราะจะต้องหารือกับกระทรวงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะชี้แจงรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบหลังจากผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว
"เป้าหมายเศรษฐกิจในปีนี้ ไม่ได้คาดหวังกับตัวเลขอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) หรือเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะถือเป็นเรื่องสมมุติ ส่วนการส่งออกเป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก เราจะไปเร่งอะไรในต่างประเทศมากไม่ได้ แต่เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ทำได้จากภายใน" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว@ เดินหน้าปรับโครงสร้างศก.
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวด้วยว่า หลังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว ในระยะต่อไปจะแก้ไขปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่มีความบิดเบี้ยว เช่น โครงสร้างพลังงาน การปฏิรูประบบภาษี การปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เป็นส่วนสำคัญในการวางรากฐานเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย จะต้องใช้เวลานาน แต่รัฐบาลนี้ต้องทำในส่วนที่วางแนวทางให้กับรัฐบาลต่อไป เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็คงจะทำได้ในบางส่วน ส่วนที่เหลือรัฐบาลต่อไปก็จะเข้ามาดำเนินการต่อในส่วนที่เป็นประโยชน์กับประเทศต่อไป
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวถึงรายชื่อคณะทำงานว่า ได้เสนอรายชื่อในตำแหน่งเลขานุการและที่ปรึกษาให้กับที่ประชุม ครม.ในวันที่ 16 กันยายนพิจารณา ประกอบไปด้วย 1.นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จะมาดำรงตำแหน่งรองเลขานุการรองนายกรัฐมนตรี 2.นายอำนวย ปะติเส อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และ 3.นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม จะดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 16 ก.ย. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.