ธนารักษ์ยึดคืนที่ราชพัสดุพันไร่ ปล่อยให้ผู้รายได้น้อยเช่าทำกิน

นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมได้จัดเตรียมยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ 2558 เพื่อนำเสนอต่อนายสมหมาย ภาษี รมว.คลังคนใหม่ ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะยุทธศาสตร์แก้ปัญหาที่ทำกิน เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายน้อย ซึ่งแนวทางดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว โดยในหลักการจะเป็นการเรียกคืนที่ราชพัสดุ จากส่วนราชการที่ไม่มีการใช้ประโยชน์ ปล่อยให้ผู้มีรายได้น้อยเช่าในลักษณะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อทำกิน ซึ่งขณะนี้เรียกคืนที่ราชพัสดุได้แล้วประมาณ 1,000 ไร่ ใน 6 จังหวัด

                  “โครงการนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง 4 กระทรวง คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากนี้ หน่วยงานดังกล่าวจะต้องไปตกลงแนวทางการจัดสรรที่ต่อราย รวมถึงกำหนดค่าเช่าว่าจะอยู่ในอัตราเท่าใด และต้องดูด้วยว่ามาขอใช้เพื่อไปทำอะไร โดยที่ราชพัสดุทั้ง  6 จังหวัดที่เรียกคืนอยู่ในจังหวัดต่างๆ เช่น บุรีรัมย์ สุราษฎ์ธานี”นายนริศ กล่าว

                นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เจ้าที่เร่งไปจัดทำประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศจำนวน 30 ล้านแปลง ให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 ทั้งรายแปลงเพื่อประกาศใช้ในรอบปี 2559-2562 จากที่ผ่านมาไม่สามารถประเมินราคาได้ครบทั้งหมด รวมถึงการผลักดันการแก้ไขกฎหมายที่ราชพัสดุใหม่ ซึ่งเดิมขึ้นกับกฎหมายของกรมที่ดิน เพื่อให้การบริหารจัดการมีความคล่องตัวและทันสมัยมากขึ้น เอื้อต่ออำนาจของกรมธนารักษ์ การจัดทำข้อมูล การเรียกคืน การเก็บรายได้ การประมูลที่ราชพัสดุ ให้มีความเหมาะสม

                นายนริศ กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการนโยบายที่ค้างอยู่ คือโครงการบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ผ่านความเห็นชอบจาก คสช.แล้วเช่นกัน แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วน คือ โครงการที่ จ.เชียงใหม่ เนื้อที่หลัก 100 ไร่ มูลค่าโครงการไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาร่วมทุน ในการลงทุนโครงการดังกล่าว และโครงการที่จังหวัดนครนายก ในส่วนนี้ดำเนินการโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปจัดทำแนวดำเนินการ โดยกรมจะจัดสรรเฉพาะที่ราชพัสดุให้เท่านั้น  และนโยบายการเตรียมพื้นที่สนับสนุนการค้าชายแดนรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เนื้อที่ 4 แปลง ใน 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตราด และ สุรินทร์ ซึ่งกรมศุลกากรจะเป็นผู้รับผิดชอบลงทุน

ที่มา : แนวหน้า วันที่ 5 ก.ย. 2557