ธ.ก.ส. สนอง คสช. ทุ่มหมื่นล้าน แก้หนี้นอกระบบเกษตรกร และบุตรหลานที่ทำอาชีพหาบเร่แผงลอยใน ตจว.ให้กู้รายละไม่เกินแสนบาท ดอกต่ำ12%ต่อปี ผ่อนนาน 10 ปี เริ่ม 1 ก.ย.นี้ ถึงสิ้น ก.ย.ปีหน้า...
เมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.จัดทำโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบของเกษตรกร และบุคคลในครัวเรือน เพื่อเป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบาย คสช. หวังลดภาระหนี้ของประชาชนเพื่อมีโอกาสฟื้นฟู และพัฒนาอาชีพให้เข้มแข็งขึ้น เริ่มโครงการ 1 ก.ย. 2557 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2558
สำหรับเกษตรกรที่สนใจ ต้องมีภาระหนี้นอกระบบทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยรวมกันสุทธิหลังประนอมหนี้แล้วยอดคงเหลือไม่เกิน 100,000 บาท และต้องเป็นหนี้ที่เกิดจากเหตุสุจริตจำเป็น และเป็นภาระหนัก ไม่เล่นการพนัน หรือภาระหนี้จากความฟุ่มเฟือย โดยเริ่มก่อหนี้ก่อนวันที่ 1 ก.ย. 2557 และต้องมีเอกสารหลักฐานการเป็นหนี้จริง เมื่อพิจารณาเงื่อนไขผ่านแล้ว จะให้กู้ต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี
พร้อมยังผ่อนปรนเงื่อนไขให้กรณีผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้เมื่อถึงกำหนดชำระ ทั้งหมดหรือบางส่วน หากไม่มีเหตุอันสมควร ธนาคารคิดเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3 ต่อปี กำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืนไม่เกิน 10 ปี กรณีพิเศษไม่เกิน 12 ปี โดยหลักประกันสามารถใช้อสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก การค้ำประกันกลุ่ม และ/หรือบุคคลค้ำประกัน มีเป้าหมายเกษตรกรรายย่อยจะเข้าโครงการประมาณ 1.5 แสนราย วงเงิน 10,000 ล้านบาท
"อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 12 ไม่สูงมากนัก เพราะใช้รูปแบบเงินต้นลดภาระดอกเบี้ยลดลงด้วย ไม่เหมือนกันดอกเบี้ยบัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 24 ขณะที่ดอกเบี้ยนอกระบบร้อยละ 3-5 ต่อเดือน นับว่าสูงมาก หากลูกหนี้รายใดมีภาระหนี้เกิน 1 แสนบาท ได้ประสานกับกองทุนสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของกระทรวงเกษตรฯ เสนอรัฐบาลแก้ไขระเบียบ เพื่อขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนนำเงินมาปล่อยกู้ให้เกษตรกรในภารกิจอื่น จากเดิมเน้นช่วยเหลือเฉพาะการสงวนที่ดินไม่ให้ตกไปอยู่ในมือผู้อื่นจากการค้ำประกันเงินกู้"
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีเงินทุนนับพันล้านบาท สนับสนุนจากรัฐบาล และยังมีเงินชำระหนี้ไหลเข้ามา จึงเพียงพอต่อการขอกู้เงินได้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อมาปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรได้เพิ่มเติม นอกจากเรื่องการสงวนและรักษาที่ดิน เพราะเข้าโครงการแรกไม่ได้ และไม่สามารถผ่อนชำระภายใน 12 ปี ตามกำหนด
นอกจากนี้ จะปล่อยสินเชื่อ "โครงการสินเชื่ออุ่นใจคนไกลบ้าน" ให้แก่บุตรหลานของเกษตรกรลูกค้าที่ออกไปทำงานในต่างจังหวัด หรือในเมืองหลวง ซึ่งออกมาประกอบอาชีพหาบเร่แผงลอย โดยจะใช้สาขาของ ธ.ก.ส.ในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 30 สาขา เพื่อขยายให้ได้ถึง 50 สาขาในปีนี้ เพื่อติดตามดูแลลูกค้า เพื่อกู้เงินร่วมกับสมาชิก ธ.ก.ส. ในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ หากมีความจำเป็นต้องการเงินใช้ลงทุน จะได้ไม่ต้องไปหากู้เงินนอกระบบ โดยจะปล่อยกู้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท เบื้องต้นปล่อยกู้ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากนั้นค่อยขยายไปในต่างจังหวัดเพิ่มเติม มีเป้าหมาย 1 หมื่นราย วงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระให้รายย่อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อดูแลลูกค้าให้สามารถฟื้นฟูอาชีพได้อย่างยั่งยืน รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากภาระหนี้ ไม่ให้ตกเป็นภาระของครอบครัว ธ.ก.ส.ได้จัดทำประกันสินเชื่อเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตให้แก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการทุกราย ในวงเงินประกันไม่เกินรายละ 100,000 บาท ตลอดอายุสัญญา หรือจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ
พร้อมกำหนดให้ผู้กู้ต้องเข้ารับการอบรมฟื้นฟูหลักสูตรบริหารทุนและหนี้ เพื่อปรับแนวคิดในการดำเนินชีวิต เช่น มีการจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อเป็นแนวทางลดค่าใช้จ่ายและออมเงิน เพื่อสร้างฐานะ รวมถึงสามารถชำระหนี้ได้ และหลักสูตรการสร้างรายได้เพื่อสนับสนุนให้ประกอบอาชีพ รวมถึงมีเงินเหลือออม โดย ธ.ก.ส.จะจัดอบรมให้สำหรับรายที่พิจารณาแล้วว่ามีปัญหาในการประกอบอาชีพ และธ.ก.ส.จะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 26 ส.ค. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.