22 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย (มท.)ได้กำหนดแผนงาน และดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างงาน สร้างอาชีพ ยกระดับรายได้ของประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมตาม โรดแมปการขับเคลื่อนประเทศไทย ระยะที่ 2 ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเน้นหนักเรื่องการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก และขยายผลโครงการพระราชดำริตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และความยากจนในระดับครัวเรือน เพิ่มโอกาสคนยากจนในการเข้าถึงทรัพยากรและบริการต่างๆของรัฐ รวมทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิต สนับสนุนการออมทรัพย์ และระบบสวัสดิการชุมชน กระจายรายได้และประโยชน์จากการพัฒนา ให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ยิ่งขึ้น
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา กรม และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ได้ดำเนินตามนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่ยากจน การเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์ ขยายเขตไฟฟ้าและน้ำประปาทั่วประเทศ แก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ และปัญหาการติดตามทวงหนี้ชาวนาอย่างไม่เป็นธรรม การบริหารจัดการครัวเรือนยากจน และพัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนยากจนแบบบูรณาการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน การส่งเสริมกิจกรรมตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามพระราชดำริ การขยายผลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดเกษตร ทฤษฎีใหม่ เป็นต้น สำหรับระยะต่อไป มท. จะได้ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ การสนับสนุนระบบเกษตรโซนนิ่ง การกำกับดูแลการดำเนินโครงการที่ใช้งบพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัด กองทุนต่างๆ รวมทั้งเงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ทั่วถึง เป็นธรรม เกิดประโยชน์ต่อการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของพื้นที่ชายแดน ก็จะสนับสนุนในเรื่องการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษการค้าชายแดน และเตรียมการรองรับความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ประเทศไทยและประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด และมีการเตรียมความพร้อมที่จะรองรับผลกระทบในด้านต่างๆที่จะตามมา
“ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมจะมีทั้งในเรื่องรายได้ คุณภาพชีวิต และความรู้สึกในเชิงเปรียบเทียบกับผู้อื่นหรือกลุ่มบุคคลอื่นๆว่าตนหรือกลุ่มตนได้รับโอกาส ได้รับประโยชน์จากการพัฒนา การให้บริการของรัฐ หรือการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ อย่างไม่เท่าเทียม เป็นธรรม ซึ่งการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของ ศูนย์ดำรงธรรมที่ คสช. ให้จัดตั้งขึ้นก็จะมีส่วนช่วยลดความรู้สึกในเรื่องดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง จึงได้กำชับไปว่าจะต้องให้บริการประชาชนด้วยหัวใจ ให้ความเสมอภาคเป็นธรรมอย่างแท้จริงและไม่เลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม บางเรื่องก็เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างหรือต้องมีการตัดสินใจในเชิงนโยบาย ซึ่ง มท.จะได้เสนอความคิดเห็นต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป”ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
ที่มา : ข่าวสด วันที่ 22 ส.ค. 2557