พาณิชย์เดินหน้าตั้งสถาบันพัฒนาการค้าข้าว ดึงตัวแทนรัฐ-เอกชนร่วมวง ทำงานในรูปแบบคณะกรรมการ ทำแผนพัฒนาครบวงจร ดันไทยเบอร์หนึ่งของโลก "ชุติมา" ยันตั้งแน่ กองทุนข้าวและชาวนา ด้าน คสช. ฝากการบ้าน ดูแลข้าวโพดไม่ให้ตกต่ำ หลังเลิกจำนำ-ประกันรายได้
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการจัดตั้งสถาบันพัฒนาศักยภาพการค้าข้าว เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลการค้าและการตลาดเพื่อการพัฒนาการผลิตและแปรรูปข้าวและผลิตภัณฑ์แบบเบ็ดเสร็จ
โดยจะมีการบริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการบริหารสถาบัน ประกอบด้วยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการเพาะปลูก การผลิต และการตลาด
“สถาบันฯ จะเข้าไปช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ ตั้งแต่การเพาะปลูก การผลิต การสีแปร และการทำตลาดส่งออก โดยจะมีข้อมูลในทุกๆ ด้านอย่างครบวงจร เพื่อทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าว มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องข้าว และจะได้วางแผนการผลิต การทำตลาดได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ไทยเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวในทุกๆ ด้านตามที่ตั้งใจไว้" น.ส.ชุติมา กล่าว
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างประสานงานกับกรมการข้าว ในการจัดตั้งสถาบันฯ เพื่อไม่ให้การทำงานซ้ำซ้อนกัน
สำหรับงบประมาณในการจัดตั้ง จะใช้งบประมาณปี 2558 จำนวน 500 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดหาแหล่งเงินให้ และยังมีเงินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จำนวน 587 ล้านบาท โดยจะนำเงินในส่วนที่เก็บจากค่าธรรมเนียมการส่งออกข้าวไปตลาดสหภาพยุโรป (อียู) มาใช้
น.ส.ชุติมา กล่าวถึงการจัดตั้งกองทุนข้าวและชาวนาแห่งชาติ ว่า คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้ให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งแล้ว ซึ่งจะเข้ามาดูแลในเรื่องปัจจัยการผลิตข้าวและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการผลิตข้าวและดำรงชีพให้แก่ชาวนา รวมทั้งชดเชยรายได้จากการจำหน่ายข้าวเปลือกในภาวะราคาตกต่ำหรือด้วยวิธีการอื่นที่เหมาะสม
โดยเงินกองทุนจะมาจาก 2 ส่วน คือ 1.เก็บจากเงินภาษีของการส่งออกข้าว 0.75% ของมูลค่าการส่งออก หรือเก็บเงินสงเคราะห์เข้ากองทุน โดยเรียกเก็บจากผู้ส่งออกข้าวเป็นอัตราต่อตันแบบขั้นบันไดตามราคาส่งออกข้าว และ 2.เงินสมทบจากชาวนา โดยเก็บเงินชาวนาที่สมัครใจเป็นสมาชิกปีละ 1 ครั้ง ตามอัตราที่กำหนด และรัฐช่วยเงินสมทบของเงินสะสมที่สมาชิกจ่ายในแต่ละปี
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ดูแลสถานการณ์ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศปีนี้ไม่ให้ตกต่ำจนเกษตรกรผู้ปลูกได้รับความเดือดร้อน แบบไม่ให้มีการใช้มาตรการทั้งแบบรับจำนำหรือแบบประกันรายได้ แต่ให้กำหนดมาตรการดูแลอื่นๆ ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
สำหรับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ณ วันที่ 22 ก.ค. กิโลกรัมละ 7.25 บาท ต่ำกว่าราคาเมื่อช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ กก.ละ 8.31บาท ส่วนราคาซื้อหน้าโรงงานอาหารสัตว์อยู่ที่ กก.ละ 10.05-10.50 บาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ กก.ละ 10.15-10.30 บาท ราคาส่งออก (เอฟโอบี) ตันละ 285-290 ดอลลาร์สหรัฐ เท่าปีก่อน โดยการผลิตข้าวโพดในประเทศ ปี 2557/58 คาดว่าจะมีปริมาณ 5.09 ล้านตัน ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการใช้
ที่มา : ไทยโพสต์ วันที่ 13 ส.ค. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.