สัญญาณอันตราย ต่างชาติตั้งเป้าฮุบที่นา ........ นักธุรกิจชาวต่างชาติเข้ามากว้านซื้อ ที่ดินทำนาในไทย รัฐบาลไทย-ชงเองขายเอง
"... องคมนตรีเกษม วัฒนชัย บอกว่า ขณะนี้ มีการล่าอาณานิคมแบบใหม่ จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ที่มีอำนาจเงินมหาศาล โดยเฉพาะในพื้นที่ ในเขตชลประทาน 23 จังหวัดภาคกลาง ลุ่มเจ้าพระยา ที่รัฐบาลใช้เงินภาษีประชาชน พัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งเคยประเมินว่าประมาณ 5.9 หมื่นบาท ต่อไร่แต่กำลังถูกต่างชาติ กว้านซื้อ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ ต้องช่วยเหลือกัน เพราะขณะนี้ที่ดิน เกษตรกรในภาคกลาง 60% อยู่ในมือของนายทุน และเกษตรกรเช่าทำการเกษตร*** ในหลวงทรงห่วงใย พระราชทานที่ดิน 5 หมื่นไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา นครนายก ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม ซึ่งที่ดินเหล่านี้ มีมูลค่ามหาศาล แต่ที่พระองค์ มอบให้ ส.ป.ก.เพื่อจัดสรร ให้เกษตรกร ก็เพื่อที่จะให้เกษตรกร มีจิตสำนึก ในการรักษาอาชีพเกษตรกร.."
.......ทุกวันนี้ที่ดินเพื่อทำการเกษตร โดยเฉพาะ ที่ปลูกข้าวของไทยได้เปลี่ยนมือจากเกษตรกรไปสู่นายทุนรายย่อย ไปสู่นายทุนรายใหญ่ ที่เตรียมบริหารจัดการข้าวทั้งระบบในไทย ส่วนนายทุนรายย่อยต่างๆ ก็ต่างผันตัวเป็นนายหน้าขอเป็นนอมินี ขายที่ดินให้ชาวต่างชาติกัน อย่างฝุ่นตลบ ......ต่างชาติตั้งเป้ากว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่ ภาคกลาง-อีสาน แห่งละ 4-5 แสนไร่ หวังทำเกษตร ให้ครบวงจร ส่งข้าวกลับไป ขายต่างประเทศ ??
...... ..........ปัญหาที่เกิดมาจากการเปิดช่อง ของรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการแก้กฎหมาย ให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้น ในบริษัทจดทะเบียนได้มากถึงร้อย ละ 49 และคนไทยถือหุ้นร้อยละ 51 เป็นการเปิดช่องให้บริษัทต่างชาติเข้ามา เกี่ยวข้องกับการเข้ามาทำธุรกิจ บริหารจัดการผลผลิตข้าวในไทย ด้วยวิธีจัดตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซื้อที่ดินการเกษตร หรือตั้งบริษัทรับจ้างทำนา หรือบริษัทรับจ้างดำนา ซ้ำร้ายท้ายที่สุดแล้ว บริษัทไทยกลาย เป็นบริษัทนอมินี เปิดช่องให้ต่างชาติ ครอบงำธุรกิจนี้เบ็ดเสร็จ เนื่องจาก การถือครองที่ดิน เพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร ของคนต่างด้าว ถือเป็นอาชีพต้องห้าม เนื่องจากสงวน ให้เฉพาะคนไทย สำหรับ ความผิด ตามมาตรา 36 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 1 แสน-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
10 ปีผ่านไป ที่ดินเป็นของนายทุนเกลี้ยง พื้นที่เกษตรของไทย ที่มีกว่า 130.29 ล้านไร่ และมีที่นาอยู่ ประมาณ 63.6 ล้านไร่ ได้เปลี่ยนมือจาก เกษตรกรที่รับสืบทอด ที่ดินมาจากบรรพบุรุษ ไปอยู่ในมือนายทุน เกือบหมดแล้ว .....ข้อมูลเบื้องต้น พบว่า จังหวัดที่เป็นเขตพื้นที่สีแดง ที่ชาวต่างชาติสนใจ ซื้อหามากที่สุดเวลานี้มี 6 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ อยุธยา ชัยนาท สุพรรณบุรี อุทัยธานี อ่างทอง และสิงห์บุรี โดย พื้นที่บริเวณนี้ต่างชาติจะเข้ามาถือครองที่ดินผ่านกลุ่มทุนการเมืองท้องถิ่น ซึ่งบริเวณนี้กลุ่มตะวันออกกลางสนใจมากที่สุด โดยเฉพาะ ในพื้นที่อำเภอวังน้อย อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา และอำเภอบางซ้าย อยุธยาแล้ว
......นอกจากจะซื้อเพื่อจ้างเกษตรกรปลูกข้าวแล้ว ที่จังหวัดอยุธยายังพบว่า มีนักวิชาการ เศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่น ได้รุกคืบเข้ามาถือหุ้น ในโรงสีหลายโรงสีในจังหวัดอยุธยา ในจำนวนร้อยละ 49% ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เข้ามา เพื่อซื้อที่ดิน แต่เป็นความจงใจที่จะเข้ามาบริหารจัดการ ระบบตลาดข้าวเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ทุนต่างชาติเข้ามา
..... สุพรรณบุรี พื้นที่ปัญหา ที่ดูจะรุนแรงที่สุด ที่มีข่าวการขายที่ดิน ให้ต่างชาติหนาหูที่สุด เพื่อทำเป็น บริษัทรับจ้างทำนา โดยซื้อที่ดิน และจ้างคนไทยเป็นคนทำนา
ใน สุพรรณบุรี ยังเกิดปรากฎการณ์ ที่น่าสงสัยว่าอาจจะเป็น นอมินีต่างชาติเข้ามา ซื้อที่ดินใน โซนฝั่งคลองชลประทาน แถวๆวัดหนองปล้อง วัดทุ่งแฝก และวัดห้วยสุวรรณวนาราม หรือ ที่เรียกว่าหนองถั่วพู เป็นพื้นที่เขตรอย ต่อระหว่างเขตอำเภอศรีประจัณฑ์ กับเขตจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีสำนักสงฆ์สำนักหนึ่ง กว้านซื้อที่ดินในบริเวณหนองถั่วพูไป 1,000 กว่าไร่แล้ว
...พื้นที่รองลงมา ที่แม้จะไม่ใช่ที่ดินในระดับ AAA เป็นที่ดินที่ต่างชาติต่างกว้านซื้อเช่นกันได้แก่ จังหวัด นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และฉะเชิงเทรา
.....ไต้หวันเข้าปราจีน.... ต้องการพืชพลังงาน ในกบินทร์บุรี ก็มีการกว้านซื้อที่ดิน อย่างหนัก ซึ่งนอกจากข้าวแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ มีไร่อ้อย ปาล์ม และยูคาลิปตัส และกลุ่มทุน ที่เข้ามาในส่วนนี้ คือกลุ่มทุนไต้หวัน ที่บางส่วนเข้ามา ในรูปแบบของการถือหุ้น ในโรงงานน้ำตาลไม่ได้เข้ามาที่สินค้าข้าว แต่ต้องการอ้อย นอกจากเอาไปผลิตน้ำตาลแล้วเป็นพลังงานสำรองกับประเทศ........
......ที่สำคัญ...พื้นที่อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ต่างชาติให้ความสนใจมาก เช่นกัน ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร และนครสวรรค์ กำแพงเพชร .... สุโขทัยนั้น พบว่ามีกลุ่มทุนญี่ปุ่นเข้ามา ร่วมกับ นักการเมือง มาลงทุนทำ โรงงานแปรรูป ขนมกรุบกรอบ แต่ปรากฏว่า มีการจ้างเกษตรกรในรูปแบบ คอนแทรกฟาร์มมิ่ง ให้เกษตรกรปลูกข้าว ญี่ปุ่น เพื่อนำข้าวญี่ปุ่น ส่งกลับไปขายใน ญี่ปุ่นด้วย
.......พิจิตร .... มีบริษัทนอมินีคนไทย ทำการกว้านซื้อที่ดินนาไม่อั้นเพื่อทำการเกษตร โดยเฉพาะในเขตอำเภอสามง่าม และในเขต ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร และเขตบ้านเกาะแก้ว ต.สากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก และอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
นครสวรรค์ .... เป็นพื้นที่ ที่มีบริษัทรับจ้างดำนา และใช้เทคโนโลยี ในกระบวนการเพาะปลูก และมุ่งคุมไลน์ การผลิตข้าวทั้งกระบวนการแล้ว
.....นอกจากนี้มี การประกาศขายที่ดิน ในเวปไซด์ที่ดิน.คอมให้ต่างชาติ มาซื้อที่ดินเพื่อลงทุนในการทำนา ที่สำคัญคือ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และตำบลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 7 ไร่ นอกจากนี้ยังครอบคลุม ไปถึงจังหวัดนครปฐม สิงห์บุรี....
...พื้นที่ภาคใต้... จะเป็นกลุ่มทุนมาจาก มาเลเซีย เข้ามาดำเนินธุรกิจ ปลูกปาล์มน้ำมัน นานแล้ว โดยเฉพาะ ในพื้นที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี กระบี่ และสตูล..
.....ส่วน ภาคเหนือตอนบน ส่วนมาก จะเป็นกลุ่มทุนรายย่อย จากจีนที่จะมาในรูปแบบ ของกองทัพมด มาซื้อที่เพื่อตั้งโรงงาน และซื้อไว้ให้เช่า กันมาก โดยเฉพาะพื้นที่ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา...
....ขณะนี้ ดีเอสไอ กำลังเริ่มเข้าไป ตรวจสอบ ในทุกพื้นที่ที่ มีข้อมูลระบุว่ามีชาวต่างชาติ ตั้งบริษัท และเข้าไปกว้านซื้อ ที่ดินจากชาวนาแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ เขตภาคกลาง การนำชื่อ คนไทยมาร่วมถือหุ้น ในบริษัทเป็นเพียงหุ้นลม และไม่ได้มีการนำเงิน ร่วมลงทุนจริง แต่เป็นเงินลงทุน ของต่างชาติทั้งหมด คนกลุ่มนี้จะเลี่ยงกฎหมาย ด้วยการเปิดช่อง ให้คนต่างชาติ ทำสัญญาเช่าเป็นระยะยาว ซึ่งกฎหมายแพ่ง ระบุห้ามเช่าเกิน 30 ปี แต่สามารถเช่าได้ต่อเนื่อง คือเมื่อครบ 30 ปีแล้ว ก็ต่อสัญญาเช่าได้อีก 30 ปี และอาจต่อได้อีก ถึง 60 ปี แม้รูปแบบ จะเป็นการเช่า แต่ก็คือเจ้าของที่ดิน....
....ส่วนกรณีที่กรมที่ดิน..... จะนำที่ดินไปจัดสรร ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ ในราคาไร่ละ 10 บาท เพื่อทำการเกษตร ในพื้นที่ราชพัสดุ รวมทั้งพื้นที่รกร้าง ว่างเปล่าที่รัฐ ถือครองทั้งหมดนั้น อาจจะเป็นช่องทางหนึ่ง ที่ทำให้ชาวต่างชาติ สามารถเข้ามาใช้ ประโยชน์ที่ดิน โดยการตั้งบริษัทนอมินี ที่ผ่านมามี บริษัทต่างชาติหลายแห่ง แม้จะมีชื่อคนไทยถือหุ้น ถึงร้อยละ 51 แต่ก็ไม่มีอำนาจ ในการบริหาร และจะให้ผลประโยชน์ กับ คนไทยเพียงร้อยละ 3 ของเงินลงทุน ทั้งหมด ..............
..........การเข้ามาของบริษัทต่างชาติ ที่กว้านซื้อที่ดิน ผ่านนอมินีคนไทยว่า ให้นายหน้าคนไทย กว้านซื้อเป็นแปลงขนาดใหญ่ ติดต่อกัน โดยนายหน้าจะให้ ค่านายหน้าจากติดต่อ ซื้อขายที่นา จากชาวบ้านร้อยละ 3 และได้เงินเดือน จากบริษัท อีก 10,000 บาทในการดูแลพื้นที่ ที่มีการทำนา บางพื้นที่ต่างชาติ จะใช้วิธีเช่าที่ดิน ในราคาสูง เป็นเวลา 10-15 ปี จากนั้นจะจ้างชาวนา ให้ทำนาและขายข้าว ให้บริษัทตัวเอง เพื่อนำไปขายในต่างประเทศ เป็นการป้องกัน กระแสต่อต้าน จากชาวนาไทย..
... องคมนตรีเกษม วัฒนชัย บอกว่า ขณะนี้ มีการล่าอาณานิคมแบบใหม่ จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ที่มีอำนาจเงินมหาศาล โดยเฉพาะในพื้นที่ ในเขตชลประทาน 23 จังหวัดภาคกลาง ลุ่มเจ้าพระยา ที่รัฐบาลใช้เงินภาษีประชาชน พัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งเคยประเมินว่าประมาณ 5.9 หมื่นบาท ต่อไร่แต่กำลังถูกต่างชาติ กว้านซื้อ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ ต้องช่วยเหลือกัน เพราะขณะนี้ที่ดิน เกษตรกรในภาคกลาง 60% อยู่ในมือของนายทุน และเกษตรกรเช่าทำการเกษตร*** ในหลวงทรงห่วงใย พระราชทานที่ดิน 5 หมื่นไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา นครนายก ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม ซึ่งที่ดินเหล่านี้ มีมูลค่ามหาศาล แต่ที่พระองค์ มอบให้ ส.ป.ก.เพื่อจัดสรร ให้เกษตรกร ก็เพื่อที่จะให้เกษตรกร มีจิตสำนึก ในการรักษาอาชีพเกษตรกร..
Cr เหยี่ยวข่าว..
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=914421
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.