วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ แกนนำกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจัดประชุมเร่งด่วน เหตุอันเนื่องมาจากตั้งแต่มีการขนแร่ของเหมืองทองที่กองกำลังติดอาวุธได้ทำร้ายชาวบ้านหลายรายในคืนวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๗
โดยทางกลุ่มฯ ได้ส่งหนังสือร้องเรียนและขอความคุ้มครองความปลอดภัยไปยังหลายหน่วยงาน รวมถึงทางกลุ่มฯ ได้ส่งหนังสือไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้วย
หลังจากนั้นทั้งหน่วยงานราชการ และทหารได้เริ่มเข้ามาในหมู่บ้าน โดยอ้างตัวมาจากหลากหลายสังกัด โดยที่ไม่ได้มีการติดต่อประสาน หรือมีการการนัดหมายกับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ดังกรณีแรก จากการลงพื้นที่ของผู้ตรวจการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ คืน ๑๕ พฤษภาทมิฬ แต่กลับนัดประชุมที่เทศบาลวังสะพุงกับข้าราชการในอำเภอและผู้ใหญ่บ้าน หมู่ ๓ นาหนองบง โดยไม่ได้เข้ามายังหมู่บ้านเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ทำให้ผู้ตรวจการฯ ไม่ได้รับทราบข้อมูลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากแกนนำกลุ่มฯ กับชาวบ้านผู้เสียหาย รวมถึงแกนนำกลุ่มฯ และชาวบ้านก็ไม่ได้รับทราบว่าผู้ตรวจการฯ จะมีคำสั่งหรือจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
นางวิรอน รุจิไชยวัฒน์ เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “ชาวบ้านรู้ว่าผู้ตรวจการฯ จะเข้ามา ก็มารอพบตั้งแต่เช้า แต่สิบโมงกว่าแล้วก็ไม่เห็นเข้ามา รู้อีกทีคือ ผู้ตรวจการฯ ประชุมกับผู้ใหญ่บ้านแล้วที่เทศบาลวังสะพุง เราโทรไปหาผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในห้องประชุม ผู้ใหญ่บ้านก็รับสายแล้วบอกว่าประชุมอยู่ หลังจากนั้นก็ปิดโทรศัพท์ ชาวบ้านไม่ได้รับรู้เลยว่ามีการพูดจาเพื่อแก้ปัญหากันอย่างไร แล้วชาวบ้านก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ตรวจการฯ ถึงไม่เข้าหมู่บ้านมารับฟังเหตุการณ์ที่แท้จริงจากชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านผิดหวังมาก”
จากนั้น ในช่วงวันที่ ๓-๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีนายทหารได้เข้ามาในหมู่บ้าน ๔ ครั้ง โดยไม่ได้มีการนัดหมายหรือประสานงานมายังกลุ่มฯ บางคนอ้างเป็นทหารแต่ไม่เปิดเผยชื่อ บางคนอ้างเป็นทหารพราน บางคนอ้างว่ามาจาก กองทัพภาคที่ ๒ บางคนอ้างว่ารับคำสั่งมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยนายทหารที่เข้ามาจะสอบถามข้อมูล รายละเอียด และความต้องการต่างๆ ของชาวบ้าน โดยไม่มีหลักฐานที่เป็นคำสั่งจากหน่วยงานต้นสังกัด ภารกิจ หรือรายละเอียดของการปฏิบัติงาน มาแสดง
ล่าสุด ในคืนวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. มีนายทหาร ๑๓ นาย ได้เข้ามาในหมู่บ้าน โดยแจ้งว่าจะเข้ามาประจำการที่ศูนย์ศิลปาชีพ ภูบ่าว-สาว โดยแจ้งกับชาวบ้านว่า ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในหมู่บ้าน และต้องการความช่วยเหลือให้โทรแจ้งไปที่ศูนย์ฯ แต่การเข้ามาโดยไม่มีการติดต่อประสานงานอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับแกนนำกลุ่มฯ และชาวบ้าน นั้น ทำให้เกิดความหวาดกลัว และสร้างความสับสนวุ่นวายในหมู่บ้านอย่างมาก เนื่องจากการคัดค้านเหมืองแร่ทองคำของ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ๖ หมู่บ้าน ที่เริ่มทำงานเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ มีประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ชาวบ้านได้รับจากการร้องเรียนเพื่อให้หน่วยงานราชการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ไม่เคยเป็นผล ยิ่งกับสถานการณ์คุกคาม ขู่ฆ่า การทำร้ายร่างกายชาวบ้าน และกระแสข่าวเรื่องการสังหารแกนนำในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็มีข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏชัดว่า มีตำรวจและทหารเกี่ยวข้องพัวพันกับเหมืองทองคำ
“ทหารเข้ามาในหมู่บ้านแต่ละครั้ง ชาวบ้านจะตกใจกลัวมาก ทุกคนจะรีบวิ่งเข้าบ้าน ปิดประตู เพราะไม่รู้ว่าทหารที่เข้ามา เข้ามาทำไม จะมาทำร้ายชาวบ้านหรือเปล่า ยิ่งถ้ามาตอนกลางคืน มาเคาะประตูบ้าน เราก็ยิ่งหวาดกลัว เพราะเราไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร เพราะเหตุการณ์ในคืนวันที่ ๑๕ มันฝังใจชาวบ้านมาก ทุกวันนี้ยังไม่มีใครกล้าออกจากบ้านตอนกลางคืน แทบจะไม่มีใครกล้าออกไปกรีดยาง เราอยู่อย่างนี้กันมาเดือนกว่าแล้วหลังจากที่โดนทำร้าย” นางระนอง กองแสน กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อคลี่คลายความหวาดกลัวของชาวบ้าน และความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้น กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ได้จัดประชุมเพื่อจัดระบบการประสานงานกับทุกหน่วยงานที่จะเข้ามายังพื้นที่
“ทางกลุ่มฯ ขอให้การเข้ามาของหน่วยงานราชการ ตำรวจ ทหาร มีการประสานงานอย่างเป็นทางการ โดยให้ส่งหนังสือแจ้งมายังกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดโดยตรง เพื่อให้ชาวบ้านสามารถมั่นใจได้ว่า การเข้ามาของทุกฝ่ายจะมาเพื่อแก้ไขปัญหา และเข้ามาเพื่อรักษาความปลอดภัยของชาวบ้าน ๖ หมู่บ้านโดยไม่ทำให้เกิดข้อกังวลสงสัย และป้องกันไม่ให้มีการแอบอ้างจากหน่วยงานใดๆ
“โดยเฉพาะในประเด็นการเจรจาไกล่เกลี่ยกับ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ทางตำรวจหรือทหารยังไม่เคยมีการพูดคุยหรือประสานงานกับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดในการเจรจาหรือไกล่เกลี่ยใดๆ เกิดขึ้นมา” ก่อนเป็นมติจากที่ประชุมกลุ่มฯ
และเพื่อให้เกิดความชัดเจนระหว่างชาวบ้าน ๖ หมู่บ้านกับหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อการร่วมกันแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองทีสะสมมานาน รวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรงเหมือนกรณีการขนแร่ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ในคืน ๑๕ พฤษภาทมิฬที่ผ่านมา ทางกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดอยู่ระหว่างเตรียมการจะไปเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยตนเองเร็วๆ นี้
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.