คปก.อนุมัติกำหนดเขตปฏิรูปฯ พร้อมจัดซื้อที่ดินภาคอีสานร่วม 1,000 ไร่ ช่วยเกษตรกรยากจนมีที่ทำกิน พร้อมส่งเสริมความรู้ สร้างอาชีพ ควบคู่สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่เป็นอนาคตภาคเกษตรกรรม
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ณ ห้องประชุมไชยยงค์ ชูชาติ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่า คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณาอนุมัติกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินให้แก่เกษตรกรยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค โดยอนุมัติกำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน จ.หนองคาย และ จ.นครพนม ภายใต้แผนการจัดซื้อที่ดินนอกเขตปฏิรูปที่ดิน รวมทั้งสิ้นจำนวน 12 แปลง เนื้อที่ 183 ไร่ แบ่งออกเป็นที่ดินในท้องที่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 106 ไร่ และที่ดินในท้องที่ อ.เมือง จ.นครพนม จำนวน 8 แปลง เนื้อที่ 77 ไร่ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งเห็นชอบในหลักการแก้ไขปัญหาที่ดินให้แก่เกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค โดยให้ ส.ป.ก.จัดซื้อที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จำนวน 1,889 รายๆ ละไม่เกิน 15 ไร่ รวม 28,335 ไร่ ราคาไม่เกินไร่ละ 60,000 บาท เป็นเงินประมาณ 1,700 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดให้แก่เกษตรกรเช่าซื้อ มีระยะเวลาตามสัญญา 25 ปี ปลอดดอกเบี้ย 5 ปีแรก เริ่มชำระหนี้ในปีที่ 6-25 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ของราคาที่ดินที่จัดซื้อ
นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากการกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ข้างต้นแล้ว ยังได้มีการอนุมัติให้จัดซื้อที่ดินใน จ.หนองคาย และบุรีรัมย์ รวมทั้งสิ้นจำนวน 18 แปลง ที่ดิน 719 ไร่ ตามแผนการจัดซื้อที่ดินที่มีราคาเกินหนึ่งเท่าครึ่งของราคาประเมินที่ดิน แบ่งออกเป็นที่ดินในท้องที่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย จำนวน 3 แปลง เนื้อที่ 101 ไร่ และที่ดินในท้องที่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 15 แปลง เนื้อที่ 618 ไร่ โดยการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบ คปก.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดหาที่ดินและจัดที่ดินให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินตามมติ ครม. (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553 ข้อ 13 วรรคสาม
“ส.ป.ก.มีภารกิจหลักในการจัดและพัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง โดยจัดให้ถือครองเข้าประโยชน์ในที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ที่ดินที่ได้รับจัดสรรไปให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอีกหนึ่งประเด็นที่ ส.ป.ก.ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ การพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งจะต้องประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างให้มีความรู้ความสามารถและมีใจรักภาคเกษตรกรรม อันจะเป็นกำลังสำคัญในการสืบต่ออาชีพและสามารถคุ้มครองรักษาพื้นที่เกษตรกรรมอย่างยั่งยืน เป็นอนาคตให้กับภาคเกษตรกรรมต่อไป” นายศิริวัฒน์ กล่าว
นสพ.บ้านเมือง วันที่ 2 ม.ค. 56