นายกฯสั่งชะลอจับกุมพวกรุกป่า สั่งตรวจสอบข้อมูลแนวเขตให้ชัด “บุญชอบ”สั่งยกเลิก 491 หน่วยป้องกันฯ เปลี่ยนเป็น “หน่วยจัดการป่าสงวนฯ” ดึงชาวบ้านมีส่วนร่วม
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้ให้นโยบายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบให้กรมป่าไม้เร่งดำเนินการ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ว่า อย่าเพิ่งเร่งการจับกุมชาวบ้าน แต่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบพื้นที่ การดูสภาพข้อเท็จจริงในพื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบการมาอยู่ก่อน หรือหลัง มติ ครม. 30 มิ.ย.2541หรือมติอื่นๆที่ให้ชาวบ้านมาอาศัยและทำกินได้ แต่ที่สำคัญห้ามมีการบุกรุกป่าสงวนใหม่เกิดขึ้น ต้องมีนโยบายป้องกันปราบปรามที่ชัดเจน และเด็ดขาด และที่สำคัญมากๆ คือ ห้ามข้าราชการ ไปเรียกเก็บเงินกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมามีข้าราชการในกรมป่าไม้ไปเรียกเก็บเงินกับชาวบ้านที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และปล่อยให้ชาวบ้านอยู่ในพื้นที่เดิม ไม่มีการกันชาวบ้านออกจากพื้นที่บุกรุก ถือเป็นการทำผิดกฎหมายทุจริตต่อหน้าที่
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า การแก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวนที่ผ่านมาของกรมป่าไม้ต้องยอมรับความจริงว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ชาวบ้านในหลายพื้นที่ที่บุกรุกนั้น บุกรุกมาแต่เมื่อใด แนวเขตป่ากับที่ดินของชาวบ้านอยู่ตรงไหน ดังนั้นตนจะยุบหน่วยป้องกันรักษาป่า จำนวน 491 แห่ง ทั่วประเทศ แล้วตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ เรียกว่าหน่วยบริหารจัดการป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมกับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ ไม่เน้นการป้องกัน แต่เน้นการบริหารจัดการแบบบูรณาการ ให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม
ขณะเดียวกันกรมป่าไม้ก็จะกำหนดการบริหารจัดการป่าขึ้นมาใหม่ 3 ส่วน คือ 1.ป่าสงวนแห่งชาติจะมีการกำหนดเขตขึ้นมาใหม่ โดยจะมีการสำรวจว่า ขณะนี้ป่าสงวนทั้งประเทศเหลือเท่าไร จากนั้นจะดำเนินการปักหมุดเพื่อกำหนดเขตป่าสงวนให้ชัดเจน 2.เข้าไปสำรวจ ป่าที่ประชาชนเข้าไปทำประโยชน์ และป่าเสื่อมโทรม ว่าเหลือมากน้อยแค่ไหน และ 3.จะเน้นการสร้างป่าชุมชนเพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นการทำให้คนอยู่กับป่าได้อย่างสมดุล
นายบุญชอบ กล่าวอีกว่า การยุบหน่วยป้องกันรักษาป่าและตั้งหน่วยบริหารจัดการป่าสงวนแห่งชาติขึ้นมาใหม่นั้น ได้ทดลองดำเนินการแล้ว เมื่อครั้งที่ตนเคยเป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ พบว่า ได้ผลน่าพอใจ เพราะเป็นการนำส่วนต่างๆในกรมป่าไม้มาทำงานแบบบูรณาการกัน โดย ขณะนี้ ตนได้เริ่มตั้งหน่วยบริหารจัดการแล้ว และสามารถทำงานได้ทันที
เมื่อถามความคืบหน้าการดำเนินคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง (เขาแผงม้า) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายบุญชอบ กล่าวว่า คดีก็ต้องดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง แต่การดำเนินการต้องทำให้ชัดเจนว่า ชาวบ้านอยู่มาก่อนที่ราชการไปประกาศเป็นป่าสงวน หรืออยู่ตามมติที่ครม.ให้ผ่อนผันหรือไม่ เมื่อถามอีกว่าข้าราชการของกรมป่าไม้ที่ไปเรียกรับเงินชาวบ้านที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ นั้นมีมากน้อยแค่ไหน นายบุญชอบ กล่าวว่า มีไม่ถึง 10%
เดลินิวส์ วันที่ 30 ตุลาคม 2555