เกษตรกรเครือข่าย สค.ปท.บุก ‘ก.เกษตรฯ’ ร่วมฟังผลประชุมกองทุนฟื้นฟูฯ แก้ปัญหา ‘หนี้สินเกษตร’ พอใจที่ประชุมอนุมัติงบประมาณ 731 ล้านบาทพร้อมรับรองรายชื่อเกษตรกรขึ้นทะเบียนกองทุนฯ เพิ่มอีกกว่า 8 พันราย แม้การแก้ไขปัญหาหนี้ยังล้าช้า
วานนี้ (20 ก.ย.55) สภาเครือข่ายองค์กรเกษตรกรแห่งประเทศไทย (สค.ปท.) กว่า 300คน ชุมนุมที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนินนอก เพื่อเรียกร้องให้การประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรในวันดังกล่าวนำเรื่องอนุมัติเงินค้างจ่ายประจำปี 2555 และให้คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ได้กำกับติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกรที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการกองทุนกองทุนฟื้นฟูฯ ไปแล้ว
รวมถึง ให้เร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ7 เม.ย.2553 เรื่องปรับโครงสร้างหนี้ มติคณะรัฐมนตรี 8 ก.พ.2554 ให้สมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯที่เสียชีวิต ผู้พิการและผู้ที่อายุเกิน65 ปี ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2555 สมาชิก สค.ปท.ได้ชุมนุมร่วมกับแนวร่วมเกษตรกรไท ประมาณ2,000 คน เรียกร้องต่อนายชุมพล ศิลปะอาชา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร บรรจุวาระการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ เนื่องจากตั้งแต่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเมื่อ15 มิ.ย.2555 พบว่าการทำงานล่าช้าไม่ทันต่อการแก้ไขปัญหาเกษตรกรที่กำลังเดือดร้อน ทำให้ให้มีการประชุมบอร์ดใหญ่เร็วขึ้นเป็นวันที่ 20 ก.ย.2555 (วานนี้)
นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ผู้ประสานงานสภาเครือข่ายองค์กรเกษตรกรแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการชุมนุมของสมาชิก สค.ปท.ที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็เพื่อติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่กองทุนฟื้นฟู ผลปรากฏว่าก็อยู่ในระดับที่พอใจเพราะทำให้การแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะกรณีเร่งด่วนกับพี่น้องเกษตรกรที่ถูกบังคับคดีขายทอดตลาดและถูกฟ้องขับไล่
นางกิมอัง กล่าวด้วยว่าที่ผ่านมาการทำงานของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นไปอย่างล่าช้า คือในรอบ 13 ปี ตั้งแต่มีการตั้งกองทุนฟื้นฟูมามีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนทั้งหมดประมาณห้าแสนกว่าราย แต่บริหารจัดการหนี้ได้แค่สองหมื่นกว่าราย จนต้องมีการชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมเกษตรกรไทเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่าน เพื่อกดดัน
ขณะที่นางกนกพร ดิษฐกระจันทร์ ประธานกลุ่มฟื้นฟูพัฒนาเกษตรกรอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่าจากการมาเรียกร้องของชาวบ้านในครั้งนี้มีความพอใจอยู่ 3 เรื่อง หนึ่งคือการที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ พิจารณาอนุมัติงบประมาณค้างจ่ายของไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีงบประมาณ 2555 จำนวน 731 ล้านบาทซึ่งงบประมาณจำนวนดังกล่าวเป็นงบในการบริหารจัดการหนี้ให้กับพี่น้องเกษตรกรจำนวน 619 ล้านบาท
เรื่องที่สองคือการรับรองเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนใหม่กับกองทุนฟื้นฟูฯ ระหว่างวันที่ 2 ธ.ค.2554 – 3 ก.พ.2555 จำนวนทั้งสิ้น 8,878 ราย และเรื่องสุดท้ายคือติดตามเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรี 7 เม.ย.2553 เนื่องจากเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูฯ ส่วนหนึ่งได้เข้าไปใช้สิทธิในโครงการนี้ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วได้อนุมัติงบประมาณไว้5,000ล้านบาท
นางกนกพรชี้ว่า ปัญหาอุปสรรคสำคัญของการปรับโครงสร้างหนี้คือธนาคารเจ้าของหนี้ไม่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยลดลงประมาณครึ่งหนึ่งของที่ต้องจ่ายจริง และความจริงแล้วเกษตรกรไม่อยากให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ต้องการให้รัฐซื้อหนี้ของเกษตรกรและให้ย้ายมาอยู่กับกองทุนฟื้นฟูฯ เพราะถ้าเกษตรกรประสบปัญหาไม่สามารถทำการผลิตได้ก็มีสิทธิทำเรื่องอุทธรณ์ต่อสำนักงานกองทุนในระดับจังหวัดให้ขยายระเวลาการจ่ายหนี้ได้
ทางด้านนายสัญญา ยะคะเสม เลขาธิการกลุ่มพัฒนาเกษตรกรหมู่ 7 อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเด็นที่ให้คณะกรรมการกองทุนฯ ติดตามหนี้สินของเกษตรกรตามมติคณะรัฐมนตรี 8 ก.พ.2554 ซึ่งกำหนดให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ที่เสียชีวิต พิการทุพพลภาพ และเกษตรกรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปได้รับการจำหน่ายหนี้สูญนั้นมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย โดยนายสุรชัย ภู่ประเสร็จ รองเลขาธิการฝ่ายการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองได้รับปากว่าจะทำเรื่องต่อโดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะและนำเข้าพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
ประชาไท วันที่ 21 ก.ย. 55 เขียนโดย นักข่าวพลเมืองสค.ปท.
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.