ลุงแดงแกนนำที่ดินลำพูนพ้นโทษหลังถูกจองจำ 70 วัน
16 ส.ค.2555 เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.ที่เรือนจำจังหวัดลำพูน "ลุงแดง" หรือนายประเวศน์ ปันป่า ผู้ต้องขังจากคดี "บุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้" (คดีที่ดินลำพูน) ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี ได้ถูกปล่อยตัว ภายหลังจำคุกมาแล้วรวม 70 วัน
โดยลุงแดงเป็นหนึ่งในผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามกุฏราชกุมาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ภรรยาของลุงแดง ทีมทนายความ นักรณรงค์เคลื่อนไหวทางสังคม และตัวแทนแกนนำจากขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณหน้าเรือนจำจังหวัดลำพูนตั้งแต่เวลา 9.30 น. ตามกำหนดเวลาที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าราชทัณฑ์ แต่เนื่องจากมีผู้ต้องขังที่ได้รับการอภัยโทษฯในครั้งนี้จำนวนมาก จึงทำให้ขั้นตอนในการกรอกเอกสารล่าช้า และเลื่อนมาเป็นในเวลาช่วงเที่ยง
นายประเวศน์ ปันป่า กล่าวสั้นๆว่า "รู้สึกดีใจที่ได้รับอิสรภาพในวันนี้ ที่จะได้กลับออกมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง"
สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาคดี "บุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้" (คดีที่ดินลำพูน)เมื่อวันที่ ( 6 มิ.ย.55) โดยมีจำเลยได้แก่ นายประเวศน์ ปันป่า นายสืบสกุล กิจนุกร และนายรังสรรค์แสนสองแคว ภายหลังจากศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาจำเลยทั้งสามคนเมื่อปี 2551 ว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 วรรคสอง(1) สำหรับ นายประเวศ ปันป่าให้ลงโทษฐานบุกรุกอันเป็นบนลงโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมกับโทษจำคุกที่ศาลชั้นต้นลงโทษมีกำหนดโทษ 6 ปี ส่วนนายสืบสกุล กิจนุกร และนายรังสรรค์ แสนสองแควมีความผิดฐานบุกรุก สนับสนุนทำให้เสียทรัพย์และฐานสนับสนุนการทำไม้สักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้ลงโทษหนักสุดฐานสนับสนุน การทำไม้สักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 รวม 3 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน และความผิดฐานสนับสนุนการบุกรุกและสนับสนุนให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษหนักสุดตามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 รวม 2 กระทง จำคุกกระทง 8 เดือน รวมจำคุกคนละ 16 เดือน ความผิดฐานสนับสนุนการบุกรุกจำคุกคนละ 8 เดือน รวมโทษทั้งหมด 48 เดือน(4 ปี)
ศาลฎีกาได้พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับนายประเวศ ปันป่าให้ลงโทษฐานร่วมกันบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358,365(2) จำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่ามีหลักฐานภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่าอยู่ในที่เกิดเหตุจริง ซึ่งเป็นประจักษ์พยานเพียงแค่แปลงเดียว ส่วนข้อหาเรื่องการทำไม้ พิสูจน์แล้วเห็นว่าไม่มีไม้ต้องห้ามตามพ.ร.บ.ป่าไม้มีเพียงต้นมะม่วง 20 ต้น จึงไม่มีความผิด
ส่วนนกรณีนายสืบสกุล กิจนุกร และนายรังสรรค์ แสนสองแคว ศาลเห็นว่า เนื่องจากมีพยานเพียงคนเดียวและอยู่ห่างจากพื้นที่ 10 กิโลเมตร รวมถึงไม่เคยเห็นจำเลยทั้งสองเข้าไปในพื้นที่ เพียงแต่ฟังชาวบ้านเล่าจึงไม่ใช่พยานเชิงประจักษ์ นอกจากนี้การที่จำเลยทั้งสองไปร่วมเรียกร้องข้อเรียกร้องต่างๆเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินในช่วงนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
สำหรับคดีที่ดินลำพูนนั้นกลายเป็นปัญหาตัวอย่างระหว่างรัฐ กระบวนการยุติธรรม นายทุนและชาวบ้าน มาอย่างยาวนานหลายสิบปีและกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเป็นคดีพิพาทระหว่างเกษตรกรกับนายทุนและรัฐที่มีความขัดแย้งมายาวนานจนมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเกษตรที่ไร้ที่ดิน ซึ่งเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินที่ถูกทิ้งร้างเป็นจำนวน 125 คน ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านในหลายๆ พื้นที่ของ จ.ลำพูน ได้มีการฟ้องร้องและมีการดำเนินคดีตัดสินจำคุกไปแล้วเป็นจำนวน 22 ราย ได้แก่ ชาวบ้านบ้านท่าหลุก ต.หนองล่อง กิ่งอ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูนจำนวน 20 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย โดยเสียชีวิตในคุกจำนวน 1 ราย และเสียชีวิตนอกคุก 1 ราย และที่บ้านดงขี้เหล็ก ต.ศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูนจำนวน 2 ราย ทั้งหมดได้รับการอภัยโทษเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2553
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีที่ดินลำพูน เชียงใหม่ ณ ปัจจุบันยังมีคดีความที่รอคำพิพากษาของศาลฎีกา และอยู่ในชั้นอัยการ และศาลชั้นต้น อีกดังนี้
1. คดีที่บ้านแพะใต้ ต.หนองล่อง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูนรอคำพิพากษาศาลฎีกาจำนวน 8 ราย โดย ในชั้นอุทธรณ์ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี
2. คดีที่บ้านไร่ดง อ.ป่าซาง จ.ลำพูนจำนวน 2 ราย ในชั้นอุทธรณ์ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี
3. คดีบ้านสันตับเต่า ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน จำนวน 4 ราย อยู่ในศาลชั้นต้น
4. บ้านโป่ง ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่อยู่ในศาลชั้นต้นจำนวน 3 ราย
5. บ้านดอยหล่อ ต.ดอยหล่อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่อยู่ในชั้นอัยการจำนวน 1 ราย
ประชาธรรม วันที่ 16 ส.ค. 2555
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.