เกษตรกรกาญจนบุรี กว่า 30 ราย ร้องทุกข์กับ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม อ้างถูกเจ้าหน้าที่รัฐชักชวนกู้เงินปลูกไผ่กิมซุง ระบุมีบริษัทเอกชนรับซื้อผลผลิตแน่นอน แต่สุดท้ายกลับลอยแพ จนหนี้ท่วมกว่า 21 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี นำตัวแทนผู้เสียหายจำนวน 30 คน จากจำนวนผู้เสียหายทั้งหมด 361 ราย ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เข้าพบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ กรณีสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.) จ.กาญจนบุรี ได้ชักชวนชาวบ้านในพื้นที่สปก.เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไผ่จีน หรือไผ่กิมซุงโดยทำบันทึกข้อตกร่วมกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และสปก.ได้ให้ชาวบ้านทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อนำมาลงทุน ในราคาไร่ละ 30,000 บาท ส่วนบริษัทเอกชนจะจัดหาต้นพันธุ์มาจำหน่ายในราคาต้นละ 160 บาท โดยจะสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อรับซื้อผลผลิตจากชาวบ้าน แต่ในภายหลังไม่ได้มีการรับซื้อผลผลิตเกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหายในทุกพื้นที่
ด้านนายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีชาวบ้าน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ด่านมะขามเตี้ย อ.เลาขวัญ อ.เมือง อ.ไทรโยค อ.บ่อพลอย อ.หนองปรือ อ.ทองผาภูมิ และอ.ศรีสวัสดิ์ ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สินในโครงการดังกล่าว และมีการฟ้องร้องระหว่างสปก.กับชาวบ้าน ตั้งแต่ปี 2554 หลังจากบริษัทเอกชนหยุดรับซื้อผลผลิตและสปก.ได้ฟ้องให้ชาวบ้านทุกรายชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งที่ผ่านมาศาลได้ตัดสินให้ชาวบ้านชำระหนี้ไปแล้ว 13 ราย โดยศาลตัดสินให้ชาวบ้านผ่อนชำระหนี้เดือนละ 3,000 บาท ต่อมามีการเจรจาไกล่เกลี่ยขอผ่อนชำระหนี้เดือนละ 300 บาทส่วนกลุ่มที่เหลือเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องและมีการเจรจาไกล่เกลี่ย จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมเข้ามาให้การช่วยเหลือทั้งเรื่องคดีความ และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากผู้ที่ชักชวนให้ชาวบ้านร่วมลงทุนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ด้าน นายประจวบ สอนดี ชาวบ้าน ต.จรเข้เผือก ตัวแทนเกษตรกร กล่าวว่า ในปี 2550 ทางสำนักงานปฎิรูปที่ดิน(สปก.) จ.กาญจนบุรีได้มาชักชวนชาวบ้านที่อาศัยในที่ดินสปก.เข้าร่วมโครงการปลูกไผ่จีน โดยมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้จัดหาพันธุ์ ซึ่งเป็นกิ่งปักชำมาจำหน่ายให้ในราคากิ่งละ 160 บาท และบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาให้คำปรึกษา จนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้พร้อมมีโรงงานรับซื้อผลผลิต ตนเห็นว่าจะทำให้มีรายได้ดี เพราะมีโรงงงานรับซื้ออยู่ในพื้นที่ จึงตัดสินใจลงทุนปลูกไผ่บนที่ดินจำนวน 2 ไร่ โดยสปก.ทำสัญญาให้กู้ยืมเงินลงทุนไร่ละ 30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 60,000 บาท ในช่วง 2-3 ปีแรก บริษัทเอกชนรับซื้อผลผลิตจริงในราคากิโลกรัมละ 6-20 บาท แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการรับซื้อ และโรงงานที่ระบุว่าจะสร้างเพื่อนำไผ่ไปแปรรูปส่งขายต่างประเทศก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
“...ผลผลิตที่ขายได้ ไม่คุ้มกับเงินที่นำไปลงทุน ลงทุนไป 60,000 บาท ขายหน่อไผ่ได้ปีละไม่ถึง 4,000 บาท เพราะไผ่จะออกหน่อในช่วงฤดูแล้ง ช่วงฤดูฝน หรืออากาศเย็น ๆ จะไม่ออกหน่อ ขายได้ช่วงเดียว และคนก็ไม่นิยมกินเหมือนกับไผ่ทั่วไป พอไปติดต่อเจ้าหน้าที่สปก.ที่แนะนำบริษัทนายทุนเข้ามา ก็ได้แต่บอกว่าบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล แล้วก็หายไปเลยจึงขอตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่สปก.กับนายทุน ได้ร่วมมือกันหลอกลวงชาวบ้านลงทุนจนได้รับความเสียหายหรือไม่..." นายประจวบ กล่าว
ขณะที่ นายสมศักดิ์ รมว.ยธ. กล่าวว่า ได้รับทราบความเดือดร้อนของเกษตรกรแล้ว โดยให้ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขรับเรื่องและรวบรวมรายละเอียดส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งดีเอสไอจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ในการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดว่าจะเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงหรือหลอกลวงประชาชนหรือไม่ เบื้องต้นทราบมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากชาวบ้านไปกู้ยืมเงินจากสปก.เพื่อนำมาปลูกไผ่มูลค่า 21 ล้านบาท รวมทั้งความเสียหายที่เกิดจากการลงทุนและจำหน่ายผลผลิตไม่ได้ นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ดูช่องทางการช่วยเหลือว่าจะเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อยุติปัญหาการชำระหนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเรื่องดังกล่าวสปก. มีส่วนในการแนะนำให้เกษตรกรลงทุน ซึ่งเกษตรกรก็เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจเพราะเห็นว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น สปก.ก็ควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย
"...ผมจะพยายามแก้ไขปัญหานี้ให้ดีที่สุด โดยใช้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา เพราะเชื่อว่ายังมีประชาชนถูกหลอกในลักษณะนี้อีกจำนวนมาก และหากมีการฟ้องร้องจนคดีถึงที่สุดแล้วเกษตรกรอาจไม่ต้องชำระหนี้เลยสักบาทก็ได้ เพราะเคยมีคดีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว..." นายสมศักดิ์ กล่าว.
ที่มา : เดลินิวส์ วันที่ 10 ก.ย. 2563
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.