ฤดูแล้งมาเยือน กรมส่งเสริมการเกษตร ห่วงเกษตรกรพร้อมแนะนำสร้างอาชีพภายใต้สถานการณ์น้ำน้อย
เมื่อเร็วๆ นี้ นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมด้วย นายเวียงชัย แก้วพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู และนายกมล โสพัฒน์ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมกันแถลงข่าวแนะนำการสร้างอาชีพภายใต้สถานการณ์น้ำน้อยในฤดูแล้ง โดยมี หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกษตรอำเภอทุกอำเภอ เครือข่ายเกษตรกรของศูนย์ ศพก.ทุกอำเภอ ร่วม 200 คน ร่วมกิจกรรม ณ ศพก.เครือข่าย เลม่อนทรีฟาร์ม หมู่ที่ 2 ต.นาด่าน อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
โดยจากฐานข้อมูลจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นจังหวัดที่มีรายได้ค่อนข้างต่ำ คือประมาณ 49,000 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งต่ำที่สุดของประเทศ (อันดับ 76) ถึงแม้ปีล่าสุดจะมีรายได้เพิ่มเป็น 53,000 บาท แต่ก็ยังมีรายได้อันดับสุดท้าย ซึ่งสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากเกษตรกรส่วนใหญ่ยังทำการเกษตรเชิงเดี่ยว เช่น ทำไร่อ้อย แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งจังหวัดได้ผลักดันให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรหลายอย่าง ควบคู่กันไป เช่น ไร่นาสวนผสม เกษตรผสมผสาน การแปรรูปสร้างมูลค่าสินค้าต่างๆ รวมทั้งการผลิตให้ปลอดภัยจากสารพิษ หรือบางรายที่มีความพร้อมก็สนับสนุนถึงขั้นเกษตรอินทรีย์ อย่างเช่น สวนเลม่อนทรี ฟาร์ม แห่งนี้กำลังเข้าสู่เกษตรอินทรีย์
ในขณะที่จังหวัดหนองบัวลำภูมีนโยบายอีกแนวทางหนึ่ง ที่ทำให้เกษตรกรทำรายได้ดีในระยะเวลาไม่นานประมาณ 5-6 เดือน ใช้พื้นที่ไม่มาก และเกษตรกรส่วนใหญ่มีพื้นฐานอยู่แล้ว นั่นคือ การเลี้ยงไก่บ้าน ทำอย่างไรจะมีไก่และขายไก่บ้านได้เดือนละ 20 ตัว (ตัวละ 1.5 ก.ก.X80 บาท X 20 ตัว =2,400 บาท) ซึ่งต้องมีร้านอาหารรองรับ เช่น ต้มไก่บ้าน ไก่ย่าง ส้มตำ เป็นต้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ในขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งเข้ามาเยือนในทุกที่ ดังนั้นสำหรับมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงฤดูแล้งนี้ ห้ามมิให้มีการเผาตอซังข้าว และเผาอ้อย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบให้เกษตรจังหวัด สถานีพัฒนาที่ดินรณรงค์ไถกลบตอซัง และมอบนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรงดเผาและเฝ้าระวัง หากพบให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยรวมปีนี้น้อยที่สุดในรอบหลายปี จากข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดว่า ปีนี้ปริมาณการปลูกพืชน้อยกว่ำทุกปี ลดลงถึงเท่าตัว จากเดิม 40,000 ไร่ เหลือเพียงประมาณ 16,000 ไร่ ซึ่งให้ประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ ในการใช้น้ำจากใต้ดิน จังหวัดหนองบัวลำภู มีปริมาณน้ำใต้ดินค่อนข้างดี
อาทิ เพาะเห็ดฟาง ใช้เวลาประมาณ 20 วัน พื้นที่ประมาณ 1 งาน จะได้ผลผลิต ประมาณ 600 กิโลกรัม ขายส่งกิโลกรัมละ 60 บาท เป็นเงิน 36,000 บาท หรือขายปลีก กิโลกรัมละ 80 บาท เป็นเงิน 48,000 บาท (ต้นทุนการผลิตประมาณ 10,000 บาท) มีพ่อค้ามารับซื้อประจำ บางส่วนพ่อค้าส่งออกไปประเทศลาวด้วย ซึ่งนับว่าเป็นกิจกรรมที่ทำรายได้ดี ปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว อายุ 65-70 วัน ใช้น้ำน้อยกว่าข้าวนาปรัง 5 เท่า แต่ทำรายได้ ไร่ละประมาณ 10,000 บาท ถ้าต้มขายด้วย จะมีรายได้เพิ่มอีก ประมาณ 7,000 บาท ทำรายได้ดีกว่าทำนาปรังหลายเท่าตัว ไม่ต้องปลูกมากแต่ปลูกให้มีผลผลิตออกต่อเนื่อง เป็นระยะๆ ก่อนที่จะถึงฤดูทำนาปี
ดังนั้น จึงได้จัดทำโครงการเจาะบ่อบาดาลแล้วกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ สนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จำนวน 174 บ่อ มีการฝึกอบรมให้ความรู้การผลิตแบบปลอดภัยจากสำรพิษ เกษตรอินทรีย์ และสนับสนุนพันธุ์พืชด้วย โดยงบประมาณจากหลายแหล่ง รวมทั้งงบพัฒนาจังหวัดด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกษตรกรลดรายจ่ายในครัวเรือน และขายเป็นรายได้เสริม ในช่วงฤดูแล้งนี้อีกด้วย สุดท้ายนี้ หากพี่น้องเกษตรกรมีข้อสงสัยประการใด สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่
ที่มา : เดลินิวส์ วันที่ 10 ม.ค. 2563
สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์
ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ จ.หนองบัวลำภู
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.