ความเดือดร้อนของเกษตรกรเป็นเรื่องที่รัฐบาลรู้ดีถึงปัญหา แต่ยังหาทางแก้ไขไม่ได้ ขาดความคล่องทางการเงิน กู้หนี้ยืมสินนายทุนเงินกู้นอกระบบ เจอดอกเบี้ยที่แพงและไม่ได้รับความเป็นธรรม นายทุนปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ยโหด สุดท้ายเกษตรกรถูกยึดที่ดินทำกินไปเป็นจำนวนมาก รัฐบาล คสช.ได้เร่งรัดปราบปราม “แก๊งปล่อยเงินกู้” นำโฉนดที่ดินคืนให้แก่พี่น้องชาวบ้าน สร้างความพอใจให้ผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน
แต่ปัญหาที่หมักหมมยังแก้ไขไม่หมด การปราบปรามเจ้าหนี้เงินกู้ผิดกฎหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอ คนบางส่วนยังไม่มีที่ทำกิน เพราะถูกยึดถูกโกงไม่มีเงินไปซื้อที่ดินคืนหรือไม่มีแม้แต่จะจ่ายเงินค่าเช่าที่ดินทำกิน นายทุนยังเอาเปรียบปล่อยเช่าที่ดินในราคาสูงลิ่ว เกษตรกรสู้ราคาไม่ไหว หากปล่อยไว้จะส่งผลให้ในอนาคตประชาชนไม่มีที่ทำกิน ไม่มีอาชีพ จำต้องไปก่อคดีอาชญากรรมเพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่ายประทังชีวิตในครอบครัว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นถึงปัญหาต้องการแก้ไขปัญหาให้เป็นระบบแบบยั่งยืนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรกรให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการให้ความเป็นธรรมแก่ชาวเกษตรกรในทุกพื้นที่ พล.อ.ประวิตร มอบ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน คณะทำงานของรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ขับเคลื่อนผ่านทางสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ.
ร่วมกับ นายกุลพัชร ภูมิใจอวด รองผู้อำนวยการปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ.ดำเนินการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดินจากการจำนอง ขายฝากตลอดจนส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ
สำนักงานบริหารจัดการที่ดิน ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจ้าของที่ดินติดต่อซื้อที่ดินคืนจากนายทุนในราคาที่เหมาะสมตามระเบียบและประสานกลุ่มเกษตรกรที่ใช้ที่ดินในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยให้เกษตรกรเช่าที่ดินในราคาถูกหรือเช่าซื้อระยะยาวไม่ต่ำกว่า 30 ปี
ยึดหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ตามศาสตร์พระราชา
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานบริหารจัดการที่ดินและคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ 1.พื้นที่ชุมชนริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 65 ครัวเรือน เนื้อที่ 68 ไร่ งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ 34 ล้านบาท ทำสัญญาและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับเกษตรกรแล้ว
2.พื้นที่ดอยฮาง จ.เชียงราย ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 28 ครัวเรือน เนื้อที่ 35 ไร่ งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ 15 ล้านบาท ลงนามทำสัญญาซื้อขายแล้ว 3.พื้นที่คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 37 ครัวเรือน เนื้อที่ 75 ไร่ งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ 4.5 ล้านบาท ลงนามทำสัญญาซื้อขายแล้ว 4.พื้นที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 13 ครัวเรือน เนื้อที่ 50 ไร่ งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ 9.3 ล้านบาท ลงนามทำสัญญาซื้อขายแล้ว
5.พื้นที่ ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 30 ครัวเรือน เนื้อที่ 122 ไร่ อยู่ระหว่างการประเมินราคาที่ดิน 6.พื้นที่ ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นคราชสีมา ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 65 ครัวเรือน เนื้อที่ 221 ไร่ อยู่ระหว่างการประเมินราคาที่ดิน 7.พื้นที่ ต.ตะขับ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 67 ครัวเรือน เนื้อที่ 270 ไร่ อยู่ระหว่างการประเมินราคาที่ดิน 8.พื้นที่ ต.บ้านโป่ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 20 ครัวเรือน เนื้อที่ 116 ไร่ อยู่ระหว่างการประเมินราคาที่ดิน
9.พื้นที่ศรีเตี้ย จ.ลำพูน ช่วยเหลือธนาคารที่ดินเกษตร 50 ครัวเรือน เนื้อที่ 160 ไร่ อยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการ 10.พื้นที่ ต.ดอยหล่อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ อยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการ รวมพื้นที่ดำเนินการ 10 จุดทั่วประเทศ ช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 375 ครัวเรือน พื้นที่ 1,125 ไร่เศษ
การลงพื้นที่ทำให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเห็นปัญหาเพิ่มอีก ประชาชนที่ประสานขอรับการสนับสนุนจาก บจธ.ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาถูกยึดที่ดินและไม่มีที่ดินทำกิน เกิดความท้อแท้และสิ้นหวัง
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเตรียมความพร้อมและอบรมให้ความรู้กับประชาชนทั้งหมด 4 วัน โดยสร้างความหวังและปลุกพลังในตัวขึ้นมา เพื่อเตรียมการให้กับประชาชนที่จะเข้าไปใช้สิทธิในที่ดิน การอบรมให้ความรู้มีทั้งหมด 4 พื้นที่ 1.วิสาหกิจชุมชนเชียงรายอุ่นไอรักษา จำนวน 50 คน ณ ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์สรรพสิ่ง ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย 2.วิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมเกษตรกรฐานรากช่องโคพัฒนา จำนวน 80 คน ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านโนนรัง-บูรพา ต.ตลาดไทร อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา
3.อบรมป้องกันการสูญเสียสิทธิจากการจำนอง ขาย ฝากและถูกบังคับคดี จำนวน 230 คน และได้ร่วมกิจกรรม “มอบสิทธิ มอบสุขในที่ดินทำกิน โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานในพิธีที่สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 4.ชุมชนน้ำแดง จำนวน 60 คน ที่ศูนย์การเรียนรู้วิถีชุมชนคลองน้อย ต.คลองน้อย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงเรื่องการมอบสิทธิที่ดินครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลต้องการลดความเหลื่อมล้ำและให้ทุกคนได้มีที่ดินทำกิน มีอาชีพ มีรายได้อย่างยั่งยืนตามศาสตร์พระราชา โดยอยากฝากทุกคนให้ช่วยกันดูแลผืนแผ่นดินแห่งนี้และรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินนี้โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เป็นคำยืนยันของ พล.อ.ประวิตร รัฐบาลให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาที่ดินประชาชน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ต้องการที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจังและให้ประชาชนใช้ศักยภาพของตนเอง โดยพึ่งพาตัวเองอย่างมีศักดิ์ศรีและมีความมั่นคง ยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สำคัญที่สุดคือคนไทยต้องมีกิน จึงได้จัดให้มีธนาคารที่ดินขึ้น เพื่อให้รัฐเข้ามาช่วยประชาชนในการจัดสรรที่ดินทำกิน”
“เนื่องจากประชาชนหลายพื้นที่ไม่มีที่ดินทำกินจากถูกกลุ่มนายทุนเจ้าหนี้เงินกู้โกง รัฐต้องเข้ามาช่วยให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน แต่เราจะสอนให้ความรู้กับประชาชนมากกว่าเดิม สอนให้ประชาชนอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง ทำการเกษตรแบบผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ มุ่งผลิตอาหารปลอดสารพิษ บริโภคภายใน รวมทั้งส่งขายในชุมชนในจังหวัดในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดี”
ผลงานสำคัญของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ทำธนาคารที่ดิน จัดสรร กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน ขานรับนโยบายตรงจาก พล.อ.ประวิตร แก้ปัญหาประชาชนไม่มีที่ดินทำกิน ปัญหาหนี้สิน ความเดือดร้อนที่กลายเป็นวังวนชีวิตของชาวบ้าน ที่ทำให้หลายคนแก้ปัญหาไม่ได้ จนหลงผิดหันกลับไปก่อคดีอาชญากรรมเพื่อนำเงินมาหล่อเลี้ยงชีวิต
รัฐบาลเดินมาถูกทาง แก้ปัญหาทั้งระบบ ไม่เพียงแค่จัดการเรื่อง “ปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย” ยังจัดสรรที่ดิน สอนการทำเกษตรแบบพอเพียง ให้ชาวบ้านยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง
ไม่ต้องกลับไปสู่วังวนความลำบากเหมือนแต่ก่อน.
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 15 มี.ค. 2563
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.