เกษตรกร เฮ ‘บิ๊กตู่’ เตรียมอัดฉีบงบ 2 หมื่นล้าน ตั้งกองทุนช่วย ดูแลจนสิ้นชีพ ส่งเสริมชาวนาหันใช้พื้นที่ปลูกพืชชนิดอื่น
วันที่ 4 มิ.ย. นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้นำเสนอแนวทางการตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนสวัสดิการให้เกษตรกร ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นนายกฯเห็นด้วย และสั่งการนำเรื่องสวัสดิการการดูแลเกษตรกร รวมไปจนถึงเรื่องของการเสียชีวิตแล้วมีค่าชดเชย เหมือนการประกอบอาชีพอื่น เพื่อยกระดับอาชีพเกษตรกรรม โดยเกษตรกรทุกสาขาต้องมีสวัสดิการดูแล มีเงินจากกองทุนคุ้มครองเหมือนเกษตรกรต่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น ที่ให้สวัสดิการแก่เกษตรกรดูแลตลอดชีพจนกระทั่งเสียชีวิต มีเงินเยียวยาเมื่อเจอปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ภัยแล้ง เป็นต้น
เกษตรกรเฮทั่วประเทศ! รัฐอัด 9 หมื่นล้าน ให้กู้คนละ 3 หมื่นบาท ซื้อปุ๋ย ยาฆ่าแมลง
สำหรับเงื่อนไขกองทุนฯ และรายละเอียดต่างๆ จะสรุปได้ประมาณ 2 เดือนจากนี้ แต่ในเรื่องสวัสดิการเกษตรกร ต้องดำเนินการให้รอบคอบ เพราะไปซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่น อาทิ เรื่องบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตร30บาท) กฎหมายการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่กำหนดการดูแลสวัสดิการไว้แต่เป็นเงินจ่ายขาด หากจัดตั้งกองทุนดูแลสวัสดิการเกษตรกร จะต้องนำเกษตรกรชาวสวนยางเข้ามาดูแลด้วย แต่การดำเนินการเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายอย่าง ต้องดูในข้อกฎหมายเรื่องงบประมาณในการตั้งกองทุนและงบบริหารว่าขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ ต้องดูเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ.2554 และพ.ร.บ.เศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ.2522 หรือไม่ ต้องนำมาปรับถ้อยคำเพิ่มเติมบางมาตรา เพื่อให้คุ้มครองการทำเกษตรกรรม
“ตั้งใจทำเรื่องสวัสดิการเกษตรกรให้เกิดในรัฐบาลนี้ ระหว่างนี้กระทรวงเกษตรฯ กำลังทำหลักการให้ชัดเจน ไม่ให้ขัดกับหลักการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) หรือวินัยทางการคลังที่กำหนดการใช้เงินของภาครัฐไว้ แต่ทุกสาขาอาชีพเกษตรกรต้องมีสวัสดิการดูแลทั้งหมด และได้รับกองทุนคุ้มครอง ซึ่งชาวนาประกอบอาชีพสุจริตมาตลอดชีวิต น่าจะมีสวัสดิการคุ้มครองแล้ว จนวันที่เสียชีวิตต้องได้รับเงินชดเชยเหมือนอาชีพอื่นๆ”
นายกฤษฎา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรเตรียมเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อปรับเปลี่ยนอาชีพเกษตรกรโดยลดการปลูกข้าว ไปปลูกพืชอื่น อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น หากชาวนาสนใจเข้าร่วมโครงการจะต้องไปลงทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยรัฐบาลจะชดเชยเงินสำหรับการเปลี่ยนอาชีพ 2,000 บาท/ไร่ โดยสามารถลงทะเบียนได้ไม่เกิน 30 ก.ย.นี้ ซึ่งการเปลี่ยนชาวนาให้ไปประกอบอาชีพอื่น เพื่อเป็นการลดปริมาณข้าวที่อาจมีมากเกินความจำเป็น จนส่งผลให้ราคาตกต่ำ
ทั้งนี้ แผนดำเนินการปลูกข้าวครบวงจร ปีนี้กำหนดพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ 58 ล้านไร่ ขณะนี้เพิ่งปลูกเพียง 3 ล้านไร่ มั่นใจว่าผลผลิตข้าวจะไปตามแผน เพราะปัจุจบันเกษตรกรเรียนรู้แล้วว่า ถ้าปลูกข้าวจำนวนมากจะได้ไม่คุ้มเสีย ส่วนพื้นที่ที่เคยปลูกเกินนั้น รัฐมีมาตรการจูงใจในการปรับเปลี่ยนปลูกพืชอื่น
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า กำลังส่งเสริมชาวนาให้รวมกลุ่มทำนาแปลงใหญ่ จากเป้าหมายพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ 58 ล้านไร่ โดยในปี 2564 จะต้องรวมกลุ่มแปลงใหญ่ 30% หรือ 19 ล้านไร่ อย่างไรก็ตาม 2 ปีที่เริ่มโครงการแปลงใหญ่ เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตไปได้ถึง 20% และเกษตรกรสนใจมาก คาดว่าแปลงใหญ่จะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน ส่วนในพื้นที่ภาคอีสาน ปัจจุบันมีแปลงใหญ่จำนวนทั้งหมด 1,700 แปลง ซึ่งกรมการข้าวจะคัดแปลงข้าวที่ดีที่สุด 20 แปลง มาเป็นต้นแบบผลิตข้าวระดับพรีเมียม โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการทำนา
ที่มา : ข่าวสด วันที่ 4 มิ.ย. 2561
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.