ชาวนาปลื้มแผนตลาดนำผลิตดันราคาข้าวเปลือกพุ่ง-ต้นทุนลด 15% กรมข้าวลุยส่งเสริมข้าวนุ่มหลังผู้ส่งออกเตรียมเปิดตลาดจีนหวังแชร์ส่วนแบ่งจากเวียดนาม
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้เข้าพบและหารือกับกรมการข้าว เพื่อเสนอให้กรมข้าวพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นนิ่ม หรือข้าวนุ่ม เพราะตลาดจีนมีความต้องการสูงมาก แต่ไทยไม่มีข้าวในกลุ่มนี้ขายในตลาดจีนผู้ครองตลาดจึงเป็นเวียดนาม ที่ส่งออกข้าวนุ่มไปตลาดจีนประมาณ 3 ล้านตัน จากการบริโภคของจีนในชนิดข้าวนุ่มประมาณ 7-8 ล้านตัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เข้าใจผิดว่ากรมการข้าวไม่สนับสนุนหรือไม่พัฒนาพันธุ์ข้าวนุ่ม จึงทำให้เสียโอกาสในการขาย
“พันธุ์ข้าวนุ่มของไทยที่กรมการข้าวพัฒนาพันธุ์มีจำนวนมาก เมื่อผู้ส่งออกต้องการทำตลาด ทางกรมการข้าวจะนำร่องส่งเสริมในเกษตรกรปลูก เบื้องต้นประมาณ 1 หมื่นไร่ หรือจะได้ผลผลิตข้าวประมาณ 1 หมื่นตัน ข้าวเปลือก โดยผู้ส่งออกจะรับซื้อทั้งหมดในราคาตลาดบวก 500 บาทต่อตัน ซึ่งเชื่อว่าถ้าผู้ส่งออกทำตลาดในจีนประสบความสำเร็จ กรมการข้าวไม่มีปัญหาเรื่องพันธุ์ข้าวนุ่ม ชาวนาก็น่าจะสนใจปลูกข้าวนุ่มกันมากขึ้น เพราะจะได้ราคาสูงขึ้นกว่าข้าวพันธุ์เดิมที่เคยปลูก”
สำหรับการกำหนดเป้าหมายพื้นที่การผลิต จะใช้ข้อมูลพื้นที่เหมาะสมการปลูกข้าวตามแผนที่การเกษตร( Agri-Map) ซึ่งตั้งแต่ปี 2559 ที่เป็นปีแรกของการทำแผนข้าวครบวงจร ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนการผลิตข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม ไปเป็นการผลิตพืชและสัตว์ชนิดอื่น มีการตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเกษตรกรมีเหตุผลในการเพาะปลูกข้าวในหลายมิติ ทั้ง มิติด้านสังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม ซึ่งเป็นเหตุผลความจำเป็นที่ต้องเพาะปลูกข้าว ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะสม
ขณะนี้ การปลูกข้าวปี 2561/62 รอบที่ 1 ดำเนินการไปแล้ว 3.87 ล้านไร่ หรือ 6.65% ทั้งนี้ การดำเนินงานภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรตั้งแต่ปี 2559 พบว่าเกษตรกรสามารถปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์และกลไกการตลาดได้ดีขึ้น และหน่วยงานภาครัฐในระดับพื้นที่มีการบูรณาการระหว่างกันเพิ่มขึ้นตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการตลาด
ส่วนของสถานการณ์การผลิตของประเทศไทย ในปี 2560/61 ไทยมีผลผลิต 20.40 ล้านตันข้าวสาร เป็นอันดันที่ 6 ของโลกรองจากจีน อินเดีย อินโดนิเซีย บังกลาเทศ และเวียดนาม มีการส่งออกข้าวสาร 10.50 ล้านตันข้าวสาร เป็นผู้ส่งออกอันดับ 2 ของโลกรองจากอินเดีย ขณะนี้การปลูกข้าวปี 2560/61 รอบที่ 2 เก็บเกี่ยวข้าวแล้ว 10.59 ล้านไร่ หรือ 82% จึงเชื่อว่าสถานการณ์ ผลผลิตและราคาข้าวปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี
แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 มีผลสัมฤทธ์ ทั้งในเรื่องของ ราคาที่ดีขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ดังนี้คือ ราคาข้าวเปลือก ขยับตัวสูงขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น อาทิ ข้าวหอมมะลิราคา16,514 บาท/ตัน ข้าวหอมปทุม ราคา 12,055 บาท/ตัน ข้าวเหนียว ราคา 10,113 บาท/ตัน และข้าวเจ้าราคา 8,128 บาท/ตัน เป็นผลจากการควบคุมปริมาณการผลิตข้าว 32-33 ล้านตัน/ปี
ส่วนการผลิตข้าวมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยมีผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น โดยข้าวนาปีผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก 416 กก./ไร่ ประมาณ 2% เป็น 423 กก./ไร่ ข้าวนาปรัง ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก 636 กก./ไร่ เพิ่มขึ้น 2.2% เป็น 650กก./ไร่ และมีต้นทุนการผลิตลดลง ในข้าวนาปี จาก 10,603 บาท/ตัน ลดลง 11% เหลือ 9,406 บาท/ตัน ข้าวนาปรังจาก 9,014 บาท/ตัน ลดลง15% เหลือ 7,652 บาท/ตัน
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 11 มิ.ย. 2561
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.