นบข.อนุมัติ "สินเชื่อสร้างยุ้งฉาง" แก้ปัญหาข้าวล้นตลาด สั่ง "กระทรวงเกษตร"ขยายนาแปลงใหญ่ เคาะตั้งอนุฯผลักดันข้าวอินทรีย์ลุยตลาดโลก
ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) ครั้งที่ 1/2561 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่ม "โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉาง" ให้ทั้งเกษตรกรเป็นรายบุคคลและสถาบันเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรมียุ้งฉางมากขึ้น เพื่อเก็บข้าวไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกันในปริมาณที่มาก โดยกำหนดให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอขายข้าวเปลือก ของกระทรวงพาณิชย์
"โครงการนี้จะเป็นการให้เงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษสำหรับการดำเนินการ โดยที่ประชุมยังไม่มีรายละเอียดจึงไม่ได้มีการระบุกรอบวงเงินงบประมาณ แต่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณารายละเอียดพร้อมงบประมาณเพื่อนำมานำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป"
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรอบการดำเนินการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปี 2561-2562 โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะทำแผนภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เช่น การส่งเสริมระบบนาแปลงใหญ่ ที่จะมีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โดยมีการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 6 แสนไร่ ส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิชั้นเลิศ รวมทั้งข้าวพันธุ์อื่นๆที่เป็นข้าวเฉพาะ เช่น พันธุ์กข.43 การผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ
ในส่วนของการตลาด เห็นชอบให้คงมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอยู่ เพราะปีที่ผ่านดำเนินการได้ผล ทำให้ราคาข้าวปีนี้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ราคาสูงต่อเนื่อง รวมทั้งการดึงข้าวออกจากตลาด ในการช่วยเหลือเกษตรกรภาพรวมทั้งค่าเก็บเกี่ยว ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าว การชะลอการขายข้าวเปลือก คือการนำข้าวขึ้นยุ้งฉางไว้ก่อน การให้สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวกับสถาบันการเกษตร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าว หรือ โรงสี
ด้านการระบายข้าว ที่ประชุมเห็นชอบให้ระบายข้าวกลุ่ม1 (คนบริโภค) ที่เหลืออยู่ 4.4 หมื่นตัน จะเริ่มระบายในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมนี้ ส่วนกลุ่มที่ 2(อาหารสัตว์)และกลุ่ม3 (คนและสัตว์บริโภคไม่ได้) ที่มีอยู่รวมกันประมาณ 2 ล้านตัน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อความรอบรอบเพื่อดำเนินการระบายต่อไป ซึ่งคาดว่าจะระบายให้หมดภายในปีนี้ ทั้งนี้การระบายมีการพิจารณาเสมอว่าควรจะระบายช่วงไหน เพื่อไม่ให้กระทบตลาดในประเทศ
นางนันทวัลย์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานของคณะอนุกรรมการด้านการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เรื่องความต้องการข้าวในปี 2561-2562 พบว่ามีประมาณ 30.25 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3.45% แบ่งเป็นข่าวเพื่อการส่งออก 14.69 ล้านตัน เพื่อการบริโภค 12 ล้านตัน ใช้ในอุตสาหกรรม 2.4 ล้านตัน ทำเมล็ดพันธุ์ 1.39 ล้านตัน
ส่วนความต้องการของตลาดในข้าวแต่ละชนิด เป็นข้าวหอมมะลิ 6.419 ล้านตัน ข้าวหอมไทย 1.609 ล้านตัน ข้าวขาว 15.232 ล้านตัน ข้าวนึ่ง 3.72 ล้านตัน ข้าวเหนียว 7 ล้านตัน และข้าวเฉพาะ เช่น ข้าวสี ข้าวกข.43 และข้าวอินทรีย์อีกประมาณ 2.6 แสนตัน
"แต่ในส่วนของข้าวขาวนั้น เดิมทีจะผลิตข้าวที่เป็นข้าวพื้นแข็งเป็นหลักที่ประชาชนส่วนใหญ่รับประทาน เหมาะกับการทำข้าวแกงหรือข้าวนึ่งเพื่อการส่งออก ดังนั้นในปีนี้ในจำนวนข้าวขาว 15.232ล้านตัน จึงแยกเป็นข้าวขาวพื้นแข็ง 9.2 ล้านตัน และข้าวขาวพื้นนิ่ม 1.69 ล้านตัน เนื่องจากสมาคมผู้ส่งออกเห็นว่าข้าวพื้นนิ่มมีตลาดในประเทศจีนที่มีความต้องการสูง"
นอกจากนี้ที่ประชุมอนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการด้านการผลิตและการตลาด สำหรับข้าวอินทรีย์และข้าวเฉพาะ ที่หมายถึงข้าวอินทรีย์ ข้าวจีไอ ข้าวสี ข้าวเฉพาะถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น อำนาจหน้าที่การศึกษาเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมแก้ไขปัญหาให้ข้าวกลุ่มนี้มีการผลิตเพิ่มขึ้นและเชื่อมโยงกับตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 29 มี.ค. 2561
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.