กลุ่มแลนด์วอชท์มองคลังปรับเพดานภาษีที่ดินใหม่ไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ตามเป้าหมายของกฎหมายโดยเฉพาะอัตราที่ดินรกร้างยิ่งต่ำเสนอลดเพดานภาษีบ้านมากกว่า 3 ล้านบาทต้องจ่ายหนุนทำ Big Data ใครถือครองเท่าไหร่ข้อมูลโปร่งใสเปิดพื้นที่ตรวจสอบ
สืบเนื่องจากกรณีที่ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพ.ศ. .... ได้ประกาศปรับลดเพดานอัตราภาษีที่ดินลงจากเดิมร้อยละ 40 พร้อม (อ่านประกอบ: ก.คลังปรับลดเพดานภาษีที่ดินในกม.ใหม่ลง 40% บ้านหลังแรกไม่เกิน 20 ล. ไม่ต้องจ่าย)
ล่าสุดนายสุระแก้วเกาะสะบ้า ผู้ประสานงานกลุ่มจับตาปัญหาที่ดินหรือ Land Watch Thai ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงประเด็นดังกล่าวว่าตามหลักการของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างควรให้คนทั้งประเทศมีส่วนร่วมในการกระจายทรัพยากรคนที่มีน้อยก็ควรจ่ายน้อยคนที่ไม่มีก็ไม่ควรจ่ายเช่นการเปลี่ยนเพดานที่อยู่ที่อาศัยหลังแรกที่ไม่ต้องจ่ายภาษีจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 50 ล้านบาทลงมาที่ 20 ล้านบาทแต่คนที่มีบ้านราคา 20 ล้านบาทก็เป็นคนส่วนน้อยอยู่ดีถ้าจะเสนอกฎหมายควรกำหนดเพดานไว้ที่ 3 ล้านบาทเพราะว่า ตามข้อมูลตามสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า99% ของคนในประเทศมีบ้านที่ราคา 3 ล้านบาทแสดงว่าถ้าปรับมาที่ราคาเท่านี้คนทุกคนจะมีส่วนในการจ่ายภาษีมากขึ้น
ข้อเสนอที่กำหนดเพดาน 3 ล้านบาทจะเป็นภาระสร้างความเดือนร้อนให้คนไทยหรือไม่นายสุระกล่าวว่าถ้าคนที่มีบ้านตั้งแต่3 ล้านบาทขึ้นไปสมมติ 3.5 ล้านบาทคนนั้นต้องจ่ายภาษีตามอัตราแค่ประมาณ 50 บาทหรือถ้ามีบ้านราคา 5 ล้านบาทก็จ่ายภาษีแค่ 200 บาทเท่านั้นเองซึ่งค่อนข้างยุติธรรมและสุดท้ายภาษีที่ดินที่เราจ่ายก็จะกลับมาใช้ในระบบสาธารณูปโภคในท้องถิ่นตัวเองอยู่ดีเพราะฉะนั้นเวลาปรับเพดานลดมาตามข่าวก็ไม่มีนัยสำคัญอะไร
ส่วนการปรับลดเพดานลงมา 40% เพื่อลดภาระได้จริงหรือไม่นั้นนายสุระ กล่าวว่า การปรับอัตราภาษีลงมาอย่างละ 40% จะทำให้คนแบกรับภาระมากขึ้นด้วยซ้ำเช่นเรื่องภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่เดิมกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 และจะเพิ่มร้อยละ 0.5 ทุก3ปีแต่ไม่เกินร้อยละ 5 แต่วันนี้กลับปรับลดมาเหลือที่อัตราเพดานสูงสุดที่ร้อยละ 3 และกำหนดเก็บปีแรก 1.2 เพิ่มทุก 3 ปีที่ร้อยละ 0.3 พอถูกขนาดนี้กลายเป็นว่า ภาษีไม่เป็นเงื่อนไขในคนที่ถือครองที่ดินว่างเหล่านี้ปล่อยที่ดินออกมากลายเป็นว่าจุดประสงค์ของภาษีแค่เพื่อให้รัฐให้ท้องถิ่นมีรายได้เท่านั้น
“คุณเก็บภาษีที่ดินที่รกร้างว่างเปล่าในอัตราที่ต่ำขนาดนี้ขณะที่อัตราราคาของที่ดินกลับเพิ่มขึ้นทุกปีปีละ 5% ถามว่าภาระเท่านี้คนรวยที่มีที่ดินมหาศาลก็คงยังอยากถือที่ดินเอาไว้เมื่อไม่สามารถทำให้การถือครองที่ดินหยุดการกระจุกตัวลงได้แล้วคนที่มีที่ดินนิดๆหน่อยทำเกษตรกลายเป็นต้องจ่ายภาษีก็เกิดเป็นภาระ” นายสุระ กล่าว และว่าคนที่ไม่มีที่ดินก็ไม่สามารถเข้าถึงที่ดินได้เพราะราคาที่ดินเพิ่มทุกปีดังนั้นการเก็บในอัตราแค่นี้จึงเป็นภาระถ้ารัฐกล้าๆหน่อยก็ควรเก็บไปทีละ 6-7% เพราะจะทำให้ราคาที่ดินลดลงคนที่ถือครองไว้จะขายออกส่วนอัตราภาษีในด้านอื่นก็ถือว่ายังรับได้โดยเฉพาะการเริ่มมีการจัดเก็บอัตราภาษีก้าวหน้าแต่อัตราก้าวหน้าก็ยังน่ากังวล
(การแสวนาการสร้างความรู้ความเข้าใจและการรับฟังความคิดเห็นร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพ.ศ. ...."
เมื่อวันที่ 19ธ.ค.60)
นายสุระกล่าวด้วยว่า ในเวทีรับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ผ่านมาว่ากรรมาธิการพิจารณาร่างฯพยายามพูดเรื่องการการจัดเก็บภาษีตามกฎหมายใหม่จะเพิ่มเงินให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งก็เห็นด้วยแต่หน้าที่สำคัญของกฎหมายภาษีที่ดินน่าจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ แต่หากดูตอนนี้ก็ยังไม่เห็นว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ประเด็นที่สองหากรัฐอยากกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นรัฐต้องให้ทั้งอำนาจและเงินลงไปด้วยแต่วันนี้เราให้เงินเพิ่มแต่ให้อำนาจของอปท.ลดลง
“หน้าที่สำคัญของรัฐอย่างหนึ่งคือการกระจายทรัพยากรเพื่อให้ทรัพยากรกระจุกตัวเกินไปวันนี้รัฐก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทรัพยากรของประเทศเรากระจุกตัวอยู่มากมีปัญหาความเหลื่อมล้ำที่สูงซึ่งกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้รับการพิสูจน์มาหลายๆประเทศทั่วโลกว่าสามารถที่จะลดความเหลื่อมล้ำได้จริงแต่วันนี้ไทยเลือกที่สนับสนุนให้อปท.มีอำนาจทางการคลังมากขึ้นซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดที่ผิดในส่วนที่อยากหนุนคือเรื่องการจัดทำ Big Data ว่าใครครอบครองที่ดินเท่าไรซึ่งกรรมาธิการฯก็มีแนวคิดเรื่องนี้ถือเป็นความคิดที่สนับสนุนเนื่องจากปัจจุบันหากไปขอข้อมูลที่ดินจากกรมที่ดินก็จะให้ไม่ได้เพราะถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งถ้าสามารถทำได้ก็จะได้นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์และลดความเหลื่อมล้ำได้นั่นเอง ” นายสุระกล่าว.
ทั้งนี้ กลุ่มจับตาปัญหาที่ดินหรือ Land Watch Thai เป็นกลุ่มภาคประชาสังคมที่ทำงานติดตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดิน โดยมีเป้าประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมเท่าเทียมร่วมกับภาคประชาชนหลากหลายกลุ่มซึ่งได้รับความเดือนร้อนจากปัญหาที่ดิน
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา วันที่ 20 ธ.ค. 2560
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.