นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า จากปัญหาการนำพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมไปใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการทำการเกษตรอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ขาดการจัดการที่ถูกวิธีและการดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสมจนทำให้ดินเกิดความเสื่อมโทรม ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ส่งผลให้พืชที่ปลูกให้ผลผลิตลดลง อีกทั้งยังมีการพบว่าผลการวิเคราะห์ดินทั่วประเทศมีค่าเฉลี่ยอินทรียวัตถุที่มีอยู่ในดินต่ำกว่า 1% ซึ่งสัดส่วนที่แท้จริงของดินที่ดีควรจะมีอินทรียวัตถุประมาณ 5% จึงจะถือว่าเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยดินที่ขาดแคลนอินทรียวัตถุ ดินปัญหาต่างๆ หรือดินที่เสื่อมโทรม รวมทั้งการใช้ประโยชน์ที่ดินในการเพาะปลูกพืชต่างๆ อย่างผิดหลักวิชาการหรือไม่ถูกวิธีการทำให้สิ่งมีชีวิตในดินและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินตายหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นใช้ปุ่ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร ทำให้สารเคมีตกค้างในดิน น้ำ พืช สิ่งมีชีวิตและมนุษย์ นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน แนะนำให้เกษตรกรเติมอินทรียวัตถุลงในดินด้วยการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ หรือการใช้พืชปุ๋ยสดปรับปรุงบำรุงดิน โดยปลูกพืชตระกูลถั่วต่างๆ เช่นถั่วพุ่ม ถั่วพร้า และอื่นๆ แล้วไถกลบลงในดินเป็นเพิ่มอินทรียวัตถุในดินได้อย่างดี เพราะปมรากพืชตระกูล ถั่วสามารถดูดตรึงธาตุไนโตรเจนจากอากาศส่งสู่ดินและเป็นการฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตในดินอย่างจุลินทรีย์มให้สามารถปลดปล่อยธุาตุอาหารในดิน นอกจากนี้ใบไม้ที่ร่วงหล่นทับถมบนดิน ถ้ามีการไถกลบก็จะเป็น การเพิ่มอินทรียวัตถุได้เช่นกัน เมื่อดินเริ่มมีสิ่งมีชีวิต ดินก็จะเริ่มมีชีวิต คืนความอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาใหม่ เมื่อเกษตรกรทำการปลูกต้นไม้จำพวกยืนยัน ไม้เศรษฐกิจโตเร็วหรือโตช้าไม่ผลต่างๆ ที่มีระบบรากแก้วแท้ก็จะช่วยยึดดิน สอดคล้องกับภาวะโลกร้อนที่เราต้องการดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปเก็บในรูปของแข็งคือเนื้อไม้และเก็บลงในดินด้วย
"การเพิ่มอินทรีย์วัตถุลงในดินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เกษตรกรทุกคนต้องปฏิบัติและสามารถทำได้เอง โดยกรมพัฒนาที่ดินมีข้าราชการเจ้าหน้าที่ นักวิชาการต่างๆ ตลอดจนหมอดินอาสาที่ประสบผลสำเร็จในอาชีพเกษตรกรรม คอยบริการให้คำแนะนำปรึกษาตลอดเวลาและให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรตามความเหมาะสม ได้แก่ เมล็ดพันธ์พืชปุ๋ยสด ปลูกเพื่อบำรุงดิน พันธ์กล้าหญ้าแฝกปลูกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพ สารเร่งซุปเปอร์ พด.ชนิดต่างๆ พร้อมคำแนะทางวิชาการในการปรับปรุงบำรุงดิน เพื่อทำให้พื้นที่ทำการเกษตรมีความอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกพืชได้ปริมาณผลผลิตที่ดี มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ เหลือจากการบริโภคในครัวเรือนก็สามารถนำไปจำหน่าย สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว เศรษฐกิจชุมชนก็จะดีขึ้น เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศก็ดีขึ้นและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม" อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าว
ทั้งนี้ หากเกษตรกรหรือท่านที่สนใจวิธีการปรับปรุงบำรุงดิน การเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน หรือการใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพ สารเร่ง พด.ชนิดต่างๆ หรือต้องการคำแนะนำทางด้านวิชาการพัฒนาที่ดิน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1-12 สถานีพัฒนาที่ดินแห่งใกล้บ้าน หมอดินอาสาประจำหมูบ้านในชุมชนที่ท่านมีภูมิลำเนาอยู่ หรือโทรสายด่วน 1760 กรมพัฒนาที่ดิน
ที่มา ไทยโพสต์ พฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน 2560