"สมคิด" โชว์ผลงานรัฐบาล 1 ปีครึ่งเทงบ 9 แสนล้านบาทช่วยคนจนและแก้ปัญหาภัยแล้ง ชี้นโยบายรัฐไม่ทำแค่รดน้ำที่ใบแต่ต้องให้ถึงราก ดันพาณิชย์สร้างกิจกรรมค้าขายทั่วประเทศ ดึงนักท่องเที่ยวลงชุมชน แก้ปัญหารวยกระจุกจนกระจาย สั่งบีโอไอเปิดร้านค้าในต่างประเทศนำสินค้าเกษตรและโอทอปไปวางขาย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือเอ็มโอยู การขับเคลื่อนร้านค้าและตลาดประชารัฐต้นแบบเพื่อชุมชน ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีคณะกรรมการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองกว่า 2,500 คนเข้าร่วมฟังว่าปัญหา ใหญ่ของประเทศไทยขณะนี้ มี 2 เรื่องคือ เรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่สินค้าผลิตเพื่อการส่งออกเริ่มแข่งขันไม่ได้ เริ่มล้าสมัย ความได้เปรียบที่เคยมีเริ่มสูญเสียไป ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องฟื้นความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้กลับคืนมาและก้าวไปสู่ระบบเศรษฐกิจ 4.0 ที่มีความทันสมัยและแข่งขันได้
ส่วนอีกเรื่องคือ ปัญหาความยากจนของคนไทยและการกระจายรายได้ หากคนจนยังมีจำนวนมากและคนรวยกระจุกอยู่กลุ่มเดียว สังคมไทยจะไม่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งตลอดเวลาช่วง 1 ปีครึ่งที่ได้เข้ามาทำงานในรัฐบาลชุดนี้ ในสมองจะคิดอยู่ทุกขณะว่า จะทำอย่างไรให้คนจนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ มีเงินจับจ่ายใช้สอย ลูกหลานมีการศึกษา ได้รับการดูแลมีสุขอนามัยที่ดี มีโอกาสในชีวิตเหมือนคนอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็พยายามและไม่ใช่แค่การเอาเงินไปให้เหมือนโครงการรับจำนำข้าว หรือประกันรายได้ เพราะปีหน้าก็จะต้องมาเอาใหม่
ใครๆก็ทำอย่างนั้นได้ถ้าไม่คิดถึงอนาคตประเทศ นักการเมืองหลอกลวงชาวนาได้เพียงหวังแค่ชนะการเลือกตั้ง แต่การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่แค่การรดน้ำที่ใบ โดยที่รากไม่ได้รับการรดน้ำ
"ชุมชนชนบทจะมีรายได้มากขึ้น สินค้าที่ผลิตออกมาจะต้องมีตลาด กระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลยุคนี้นโยบายหลักที่จะทำไม่ใช่เรื่องการส่งออก แต่จะต้องสร้างให้มีกิจกรรมการค้าขายไปทั่วประเทศ มีคนซื้อสินค้าเป็นนักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติปีละ 30 ล้านคน จะมานั่งภูมิใจได้อย่างไรหากนักท่องเที่ยวเหล่านี้กระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย ฝรั่งมาอาบ แดดต้องคิดด้วยว่าช่วยสร้างรายได้ให้คนชนบทเท่าไหร่ด้วย ดังนั้น จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวในชุมชน ผมสร้างสินค้าโอทอปมาด้วยมือทั้ง 2 ข้างเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ยังไม่ถึงฝั่ง สินค้าโอทอปมีชื่อเสียง ผ้าไหมไทยโด่งดังไปทั่วโลกแต่ไม่เคยมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในหมู่บ้านที่ผลิต ไก่ย่างวิเชียรบุรี ดังไปทั่วประเทศ แต่คนในหมู่บ้านยังจนทั้งหมู่บ้าน เรื่องพวกนี้ผู้ที่รับผิดชอบต้องไปคิดมาว่า จะทำอย่างไรที่จะทำให้เงินไปถึงคนในหมู่บ้านด้วย"
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หามาตรการสนับสนุนให้เอกชนไปตั้งร้านขายสินค้าซุปเปอร์สโตร์ในต่างประเทศ โดยนำสินค้าเกษตรและสินค้าโอทอปไปขาย เชื่อว่าหากทำให้เกิดขึ้นจริงจะทำให้ชาวบ้านมีรายได้ และชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการส่งเสริมให้เอกชนเข้าไปลงทุนในชนบทร่วมกับชาวบ้านมากขึ้น ไม่ใช่แค่มีนโยบายสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี เท่านั้น วิธีนี้ จะช่วยให้เกิดรายได้ในท้องถิ่นไม่ต้องพึ่งพิงแต่การส่งออกเพียงอย่างเดียว
"วันดีคืนดีก็มีคนมาพูดว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยคิดช่วยคนจน ลำพังทำงานหนักก็เหนื่อยแล้ว ผมอายุ 64 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ท้อ ขอบอกว่าช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินไม่ต่ำกว่า 900,000 ล้านบาท ผ่านระบบสินเชื่อกว่า 700,000 ล้านบาท และเป็นเงินงบประมาณเกือบ 300,000 ล้านบาท ทั้งลงไปช่วยภัยแล้ง ช่วยเกษตรกร ช่วยสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากลงไปทุกจุด กองทุนหมู่บ้านมีเงินลงไป 3 รอบแล้วรวมถึงโครงการบ้านประชารัฐ การลงทะเบียนคนจน มีใครหน้าไหนบ้างที่จะคิดเรื่องจดทะเบียนคนจน ให้คนมีรายได้น้อยมีบัตรได้ขึ้นรถเมล์ราคาถูก ซื้อแก๊สรวมทั้งค่าน้ำค่าไฟต่ำกว่าชาวบ้าน ล่าสุดก็แก้หนี้นอกระบบที่เคยทำมาเมื่อ 15 ปี ที่แล้วผ่านระบบธนาคารประชาชนของธนาคารออมสินแต่รอบนี้เป็นเงินกู้ฉุกเฉิน ดังนั้น พวกปากหอยปากปูทั้งหลายเคยทำบ้างไหม แต่พวกเราคิดจริงทำจริง คำว่าคิดใหม่ทำใหม่ก็มาจากสมองของผม ผมจะไม่หยุดคิด เพราะพ่อให้ชื่อมาว่าสมคิด"
นายสมคิด กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมีกว่า 79,000 แห่ง ถ้ากรรมการและสมาชิกมีความเข้มแข็งก็จะช่วยสร้างให้การเมืองของไทยเข้มแข็งตามไปด้วย จะรู้ว่านักการเมืองหน้าไหนที่หลอกลวง เดินเพ่นพ่านไม่ทำอะไรก็ไม่ต้องเลือก อยากได้ประชาธิปไตยต้องรู้ทัน และรู้ว่าจะเลือกคนดีเข้ามาได้อย่างไร ประชาธิปไตยที่แท้จริงถึงจะเกิดขึ้น โดยขณะนี้มีความคิดที่จะให้กรรมการของกองทุนหมู่บ้านกลับเข้าระบบโรงเรียน เพื่อให้มีความคิดอ่านทันสมัย ทันโลก รู้ทันการเปลี่ยนแปลง รู้วิธีการบริหารจัดการ.
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 9 มี.ค. 60
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.