ชาวนาโคราช ขานรับชลประทานสั่งงดปลูกข้าวนาปรัง หันปลูกพืชใช้น้ำน้อยหลังน้ำในเขื่อนยังน่าห่วง
ภายหลังจากที่สถานการณ์ ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักทั้ง 5 แห่ง ของจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณกักเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 43 เปอร์เซ็นต์ของความจุกักเก็บ ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่เหลือน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ทางสำนักงานชลประทานที่ 8 ต้องมีการขอความร่วมมือกับเกษตรกรในการงดเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำที่เหลืออยู่นั้น จะต้องกักเก็บไว้ในการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคองต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อย
อย่างเช่นนายสำรวย ทีเกาะ อายุ 70 ปี ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำเขื่อนข่อยงาม หมู่ที่ 8 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา (หนึ่งในเกษตรกรผู้เพาะปลุกข้าว) เปิดเผยว่า เดิมทีตนเองนั้นจะทำการเพาะปลูกข้าวนาปี และเมื่อเสร็จจากหน้าข้าวนาปี ก็จะเริ่มทำการเพาะปลูกข้าวนาปรัง แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทางชลประทานได้มีการขอความร่วมมือ ให้เกษตรกรนั้นงดทำการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนมีไม่เพียงพอ ที่จะจัดส่งในการเพาะปลูกข้าวนาปรัง อีกทั้งหากเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวนาปรังก็จะต้องแบกรับภาระความเสี่ยงที่ต้นข้าวจะยืนต้นตาย เนื่องจากไม่มีน้ำใช้ในการหล่อเลี้ยงต้นข้าว
ดังนั้นจึงทำให้ตนเองหันมาเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อย อย่างเช่น ถั่วฝักยาว และผักสวนครัว เพื่อเป็นการหารายได้เสริมในช่วงที่ไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งตนเองก็คิดว่ารายได้จากการขายผักสวนครัวนั้นก็พออยู่ ทั้งนี้ตนเองในฐานที่เป็นประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำเขื่อนข่อยงาม ก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ให้มีการงดการเพาะปลูกข้าวนาปรัง หันมาเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อย เพื่อจะได้ช่วยกันรักษาปริมาณน้ำกักเก็บภายในเขื่อนไว้ เพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก นายสำรวยฯกล่าว
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 17 ม.ค. 2560