กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดงบกองทุนสงเคราะห์ฯ 300 ล้าน หนุนสร้างระบบน้ำในไร่นา 50 จว. ขุดสระเก็บกัก-เจาะบ่อบาดาล ลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ เพิ่มโอกาสทำเกษตรแก่สมาชิก 6,000 ราย เพิ่มพื้นที่รับน้ำกว่า 60,000 ไร่
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปี 2560 นี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีแผนเร่งขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกร โดยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้สนับสนุนเงินกู้วงเงินรวม 300 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งในเขตชลประทานและเขตรับน้ำฝนในพื้นที่ 50 จังหวัด จำนวน 100 แห่ง นำไปให้สมาชิกกู้ยืมแบบปลอดดอกเบี้ยเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นาของตนเองอย่างเป็นระบบ เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำและเพิ่มโอกาสในการทำเกษตรกรรมตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะเดียวกันยังมุ่งส่งเสริมการจัดระบบไร่นาของเกษตรกรให้มีความยั่งยืน มีแหล่งน้ำภายในฟาร์ม ลดการพึ่งพาน้ำจากระบบชลประทานและแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงจากระบบการทำเกษตรกรรมพึ่งธรรมชาติ เป็นเกษตรแบบบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดน้ำ โดยมีเป้าหมายสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯจำนวน 6,000 ราย คาดว่า จะได้รับประโยชน์จากน้ำเฉลี่ยรายละ 10 ไร่ และเพิ่มพื้นที่รับน้ำได้ไม่น้อยกว่า 60,000 ไร่
"เบื้องต้นจะเร่งคัดเลือกสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ โดยต้องมีสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่จำเป็นต้องมีแหล่งน้ำสำรอง และมีพื้นที่เหมาะสมในการขุดสระเก็บกักน้ำฝนหรือเจาะบ่อบาดาล จากนั้นจะพิจารณาจัดสรรเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรเพื่อให้สมาชิกกู้ยืมเป็นทุนในการสร้างแหล่งน้ำในไร่นาตามที่ต้องการ อาทิ การขุดสระเก็บกักน้ำ พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ลึกไม่น้อยกว่า 2 เมตร หรือการขุดเจาะบ่อบาดาลหรือปรับปรุงระบบน้ำบาดาล พร้อมกับอุปกรณ์เครื่องสูบน้ำ โดยกรอบวงเงินกู้แห่งละ 50,000 บาท กำหนดให้ชำระเงินคืนกองทุนฯ 5 ปี เฉลี่ยปีละ 60 ล้านบาท" อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว
นอกจากพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นาของสมาชิกแล้ว ยังมีมาตรการการบริหารจัดการน้ำ โดยส่งเสริมการจัดรูปแปลงที่ดิน มุ่งให้ปลูกพืชหลากหลายชนิด ควบคู่กับการลี้ยงสัตว์ และทำประมง เป็นระบบเกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่ ทั้งยังส่งเสริมให้วางแผนการผลิตล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงในวิกฤติน้ำใช้หรือการเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติ และสร้างระบบการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า โดยส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ระบบน้ำหยดหรือละอองน้ำในระบบการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ทำให้เกษตรกรสมาชิกมีโอกาสผลิตสินค้าพืช ปศุสัตว์ และประมงแบบไม่ต้องพึ่งพาธรรมชาติ สามารถป้อนผลผลิตเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เป็นช่องทางสร้างรายได้เพิ่มสูงขึ้น และสามารถชำระเงินคืนได้ตามกำหนด
"โครงการฯนี้ จะทำให้สมาชิก มีแหล่งเก็บกักน้ำสำรองและมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น คาดว่า สมาชิกกลุ่มเป้าหมายไม่น้อยกว่า 85% จะมีน้ำใช้ทำการเกษตรและมีน้ำใช้ได้ในระบบไร่นาจริง ทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ กรณีการขาดแคลนน้ำใช้เพื่อการเกษตรหรือมีระบบน้ำใช้เพื่อเกษตรกรรมไม่น้อยกว่า 95%" นายวิณะโรจน์กล่าว
ที่มา : คมชัดลึก วันที่ 6 ม.ค. 2560
โดย - โต๊ะข่าวเกษตร