14 ธ.ค. 59 นายระวี รุ่งเรือง นายกสมาคมเครือข่ายชาวนาไทย เปิดเผยว่า มาตรการลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังรอบสอง 2.5 ล้านไร่ ไม่ประสบผลสำเร็จโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ปรับเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพด 2 ล้านไร่ และพืชอื่น 5 แสนไร่จากที่เคยปลูกข้าวกว่า 8 ล้านไร่
ซึ่งไม่ได้รับความสนใจจากชาวนาในพื้นที่ภาคกลางลุ่มเจ้าพระยา เข้าร่วมโครงการตามแผนข้าวครบวงจร เพื่อลดปริมาณข้าวล้นตลาด แม้จะเป็นนโยบายดีแต่การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติโดยเจ้าหน้าที่รัฐในระดับต่างๆ ล่าช้า ไม่มีเชิงรุกตามนโยบายรัฐบาล ทำให้ชาวนาไม่มีความรู้ความเข้าใจและมองไม่เห็นภาพว่า ทำแล้วจะมีตลาดมีรายได้ที่กว่าที่ทำอยู่ รวมทั้งระบบราชการล่าช้าไม่ทันกับสถานการณ์การการปลูกข้าวแต่ละรอบการผลิต ทำให้ภาคกลางเขตชลประทานทำนารอบใหม่แล้ว แผนลดทำนาปรังที่ลุ่มเจ้าพระยา แล้วให้ชาวนาทำอาชีพอะไร ตลาดอยู่ที่ไหนไม่มีความชัดเจนเลย
นายระวี กล่าวว่าชาวนารายย่อยส่วนใหญ่ไม่มีที่นาของตนเอง ทำนาเช่า การปรับเปลี่ยนจึงทำได้ยาก ถ้าทำให้แผนลดพื้นที่ทำนาจะให้ได้ผลจริงต้องนำแนวทางทฤษฎีใหม ตามพระราชดำริ รัชกาลที่ 9 มากำหนดเป็นนโยบายนำสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง และเพื่อความมั่นคงยั่งยืนของครอบครัวชาวนารัฐต้องจัดหาที่ดินทำกินให้กับชาวนาที่ไม่มีที่ของตนเอง 3-5 ไร่และกำหนดให้ผู้ได้ที่ดินต้องปฏิติตามแนวทฤษฎีใหม่ มีแหล่งน้ำของตนเอง ปลูกพืชหลากหลาย ปลูกข้าว มีบ้านของตนเอง
"การถึอครองที่ดินโดยไม่จำกัดอยู่กับคนรวย การกำหนดผังเมือง โซนเกษตรบนพื้นที่ที่เหมาะสมต่างๆต้องชัดเจน ซึ่งแผนข้าวครบวงจรดีมาก แต่การนำสู่การปฏืบัติล่าช้าไม่จูงใจชาวนาเข้าร่วมโครงการ ซึ่งชาวนาจะไปประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำอีกในฤดูหน้า โดยวันที่ 16 ธ.ค.นี้ตัวแทนภาคละ 1 คนจากแกนนำศูนย์ข้าวชุมชนทั่วประเทศ กว่า 2 พันแห่ง จะมาประชุมกับอธิบดีกรมการข้าว เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาและราคาข้าวในอนาคตเมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรี "นายระวี กล่าว
ที่มา : แนวหน้า วันที่ 14 ธ.ค. 2559