7 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงมหาดไทย มีการประชุมคณะอนุกรรมการจัดที่ดิน ครั้งที่ 1/2559 เพื่อติดตามความคืบหน้าการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล และพิจารณากระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ราชพัสดุ (กรมธนารักษ์) โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม
พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในวาระแรก ที่ประชุมได้รายงานผลการจัดที่ดินให้ชุมชนของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ตั้งแต่ ปี 2558 - 2559 รวมทั้งสิ้น 10,113 ราย 12,544 แปลง เนื้อที่ประมาณ 96,310 ไร่ และในปี 2560 ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายรวม 44 พื้นที่ 30 จังหวัด แยกเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่ราชพัสดุ และที่สาธารณประโยชน์ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาแนวทางการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ราชพัสดุ ตามที่กรมธนารักษ์เสนอ โดยมีแนวทางการดำเนินงาน แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ
1. การจัดระบบในพื้นที่แปลงว่างเพื่อนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ และ
2. การจัดระเบียบด้วยการนำที่ดินราชพัสดุที่มีผู้ใช้ประโยชน์มาจัดระเบียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเภทของผู้ที่จะได้รับการจัดที่ดิน คือ ผู้ที่ถูกผลักดันและอพยพออกจากพื้นที่ป่าต้นน้ำและป่าอนุรักษ์ที่สำคัญ ผู้บุกรุกที่ราชพัสดุซึ่งอยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับการจัดที่ดินตามกฎหมายที่ราชพัสดุ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการโครงการของทางราชการที่สูญเสียที่ดินทำกิน และผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีไม่พอต่อการครองชีพมีถิ่นที่อยู่ในท้องที่ที่จะจัดที่ดิน ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และข้อกำหนดตามระเบียบกฎหมายที่ราชพัสดุ และข้อกำหนดที่ คทช.กำหนด โดยกรมธนารักษ์จะมีการคัดเลือกที่ราชพัสดุที่เหมาะสมเสนอต่อคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดินเพื่อกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมายที่จะดำเนินการต่อไป
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า ขอให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของ คทช. โดยให้ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมดุล เป็นธรรม ยั่งยืน และสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ยากไร้ให้มีที่อยู่อาศัยและมีที่ทำกินอย่างพอเพียง
ที่มา : แนวหน้า วันที่ 7 ธ.ค. 2559