กระทรวงเกษตรฯ เผยคืบหน้าการขับเคลื่อนระบบส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ ปี 2560 โดยจะมีพื้นที่เกิดขึ้นอีก 400 แปลง รวมอย่างน้อย 1,512 แปลง
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนระบบส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ โดยมีข้อสั่งการ 6 เรื่อง ซึ่งต่อเนื่องจากงานของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) 882 ศูนย์ ได้แก่ 1.เกษตรกรต้องเป็น Smart Farmer 2.ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา และเน้นรวมกลุ่มในรูปแบบแปลงใหญ่ 3.กฎ กติกาการทำงานเกษตรสมัยใหม่ ต้องเป็นกติกาสากล 4.การบริหารจัดการน้ำกับการทำการเกษตร 5.ทำการเกษตรที่เข้าใจเรื่องกลไกตลาด และ 6.น้อมนำตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่
สำหรับในปี 2559 มีการดำเนินการพื้นที่แปลงใหญ่ไปแล้ว จำนวน 600 แปลง มีเป้าหมายให้กลุ่มบริหารจัดการแปลง ด้านการวางแผน จัดการผลิต การตลาดและการบริหารจัดการกลุ่มได้ดีขึ้น ลดต้นทุน 20% เพิ่มผลผลิต 20% ยกระดับคุณภาพผลผลิตสู่มาตรฐาน ตลอดจนสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเพิ่มศักยภาพการบริหารการจัดการ
โดยในปี 2560 ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง ได้วางเป้าหมายไว้ไม่น้อยกว่า 400 แปลง เบื้องต้น ได้กำหนดแผนโรดแมปการทำงาน อาทิ บูรณาการงบประมาณจากทุกหน่วยงานในสังกัด เร่งพัฒนากระบวนการกลุ่มให้เกษตรกรในกลุ่มแปลงใหญ่เข้มแข็งขึ้น พัฒนาเกษตรกรให้เป็นนักธุรกิจเกษตร พัฒนาบุคลากรเพื่อเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคประจำแปลง เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนธุรกิจรายฟาร์มและแผนธุรกิจกลุ่ม โดยคาดว่า ม.ค.2560 จะผ่านการรับรองของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแปลงเตรียมพร้อมอีก 512 แปลง ซึ่งกรมฯได้ส่งเสริมเพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มใน 6 เดือน หากพร้อมให้รับรองเป็นแปลงใหญ่ในปี 2560 ต่อไป และคาดว่าจะมีแปลงใหญ่ปี 2560 ทั้งหมด 1,512 แปลง
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การพัฒนาให้เกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นสมาชิกแปลงใหญ่สามารถบริหารจัดการสินค้าเกษตรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีเงินทุนเพื่อสร้างแรงจูงใจ ให้เกษตรกรในแปลงใหญ่นำไปพัฒนากิจกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการผลิต การตลาดที่จะนำไปสู่การใช้เทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่เหมาะสม
คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติยกเลิกโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปี 2559/60 (วงเงิน 2,204.45 ล้านบาท 426 แปลง รัฐบาลรับภาระอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.50 ต่อปี กลุ่มเกษตรกรจ่ายร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2559 และโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ส.ต.2559 (วงเงิน 3,478.60 ล้านบาท จำนวน 650 แปลง รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี กลุ่มเกษตรกรจ่ายร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี)
โดยอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือกรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่จำนวน 2,000 แปลง อนุมัติกรอบวงเงินสินเชื่อ จำนวน 20,000 ล้านบาท (ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ ธ.ค.2559 - ธ.ค.2564) อนุมัติค่าชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด ได้ให้ความเห็นชอบโครงการของกลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์การเกษตรที่เสนอขอรับการสนับสนุนสินเชื่อ โดย ธ.ก.ส. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ แปลงละไม่เกิน 10 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.01 ต่อปี ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยเรียกเก็บจากกลุ่มเกษตร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมโครงการในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.อัตราร้อยละ 3.00 ต่อปี ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ พ.ย.2559-เม.ย.2570 ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้ ธ.ค.2559 - ธ.ค.2564 และระยะเวลาการชดเชยดอกเบี้ยภายใน 5 ปี นับแต่วันกู้ (ไม่เกิน ธ.ค.2569)
อีกทั้ง มีเป้าหมาย คือ กลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 2,000 แปลง รวมถึงกลุ่มที่ได้รับสินเชื่อจากโครงการสนับสนุน สินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปี 2559/60 แล้ว โดยให้ใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ไปด้วย
ที่มา : คมชัดลึก วันที่ 24 พ.ย. 2559
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.