ธ.ก.ส.สรุปแนวทางแก้ปัญหาหนี้
นอก เล็งออกบัตรแคชการ์ด วงเงิน 5 พันล้านบาท อุ้มลูกหนี้ในโครงการกรณีมีเหตุฉุกเฉิน จับมือปล่อยกู้แรงงานไปต่างประเทศ
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดกับธนาคารออมสินเกี่ยวกับการจัดทำแพ็กเกจการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแบบบูรณาการ ก่อนสรุปให้กระทรวงการคลังรับทราบ และเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป โดยแนวทางเบื้องต้นจะเปิดให้มีการ ลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ และจะมีการออกบัตรกดเงินสด (แคชการ์ด) จำนวน 1 แสนบัตร วงเงินรวม 5 พันล้านบาท สำหรับกรณีลูกหนี้มีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน หรือนำเงินไปจ่ายค่างวดและดอกเบี้ย ตรงส่วนนี้ก็จะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยซึ่งอยู่ระหว่างการหาข้อสรุป
“โครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบนี้จะดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการพิโคไฟแนนซ์ของกระทรวงการคลังที่จะเปิดให้มีการลงทะเบียนเจ้าหนี้นอกระบบให้มาอยู่ในระบบแทน ซึ่งโครงการนี้จะทำร่วมกับธนาคารออมสินที่ตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องการออกบัตรแคชการ์ด ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ควรจะเป็นเรตเดียวกันระหว่าง 2 ธนาคาร โดยที่หารือกันในขณะนี้เห็นตรงกันว่าอาจจะสูงกว่าระดับ 12% ต่อปีเล็กน้อย อย่างไรก็ดี คงต้องมีการคุยกันอีกก่อนจะสรุปเพื่อเสนอ ครม.” นายอภิรมย์กล่าว
นายอภิรมย์กล่าวอีกว่า กลุ่มเป้าหมายของบัตรแคชการ์ดครั้งนี้จะมีการกำหนดอย่างชัดเจน เช่น มีรายได้ขั้นต่ำที่เท่าไหร่ ส่วนวงเงินสูงสุดที่จะใส่ไว้ในบัตรแคชการ์ดจะอยู่ที่สูงสุด 5 หมื่นบาทต่อราย ซึ่งยอมรับว่าเป็นวงเงินที่อาจจะไม่สูงมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังมีความเสี่ยง
นอกจากนี้ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้มีการเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยได้มีการตั้งสำนักงานขึ้นมาเพื่อดูแลหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ และมีการปล่อยสินเชื่อสำหรับแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแล้ว จำนวน 4 หมื่นราย คิดเป็นวงเงิน 3.93 พันล้านบาท
“บัตรแคชการ์ดในส่วนที่ ธ.ก.ส.ดำเนินการเองนั้น จะมีวงเงินรวมอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยลูกหนี้นอกระบบที่ธนาคารดูแลอยู่แล้วก็จะได้รับวงเงินในบัตรตั้งแต่ 1-1.5 แสนบาทต่อราย และหากมีเหตุฉุกเฉินให้ลูกหนี้ต้องใช้เงินก็สามารถเอาบัตรแคชการ์ดนี้ไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของทุกธนาคารได้เช่นเดียวกัน” นายอภิรมย์กล่าว
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังจับมือกับอธิบดีกรมการจัดหางาน ออกโครงการสินเชื่อส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแรงงานไทยหลังกลับจากทำงานต่างประเทศ ที่จัดส่งโดยกรมการจัดหางานและบริษัทจัดหางาน วงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 แสนบาทต่อราย คิดดอกเบี้ยในอัตราลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) ปัจจุบันอยู่ที่ 7% โดยผู้กู้สามารถใช้อสังหาริมทรัพย์จำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้ หรือใช้ลูกค้าในกลุ่มเดียวกันค้ำประกันหนี้เงินกู้จำนวน 2 คน หรือใช้ลูกค้าในกลุ่มเดียวกันค้ำประกันร่วมกลุ่ม 5 คน ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้แล้วเสร็จไม่เกิน 12 เดือน และไม่เกินสัญญาจ้างงาน โดยชำระคืนเท่ากันทุกงวด
ที่มา : ไทยโพสต์ วันที่ 15 ก.ย. 2559